356ในสิ่งสร้างทั้งหลายที่เห็นได้ด้วยตา มนุษย์เท่านั้นที่ "สามารถรู้จักพระผู้สร้างของตน" (พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 12.3) มนุษย์เป็น
"สิ่งสร้างเดียวบนแผ่นดิน ซึ่งพระเจ้าทรงปรารถนาให้มีอยู่เพื่อตัวมนุษย์เอง" (พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 24.3) มนุษย์เท่านั้นที่ได้รับเรียกให้มาแบ่งปันชีวิตของพระเจ้า โดยอาศัยความรู้และความรัก
มนุษย์ได้รับการสร้างขึ้นมาด้วยจุดหมายประการนี้ และนี่คือเหตุผลระดับมูลฐานแห่งศักดิ์ศรีของมนุษย์
เหตุผลอันใดเล่าที่ทำให้พระองค์ทรงตั้งมนุษย์ขึ้นมาให้มีศักดิ์ศรีสูงส่งถึงปานนี้ ความรักอันประมาณค่ามิได้นั้นเอง ซึ่งเพราะความรักนั้น
พระองค์ได้ทรงมองเห็นสิ่งสร้างของพระองค์ในพระองค์เอง และได้ทรงหลงรักสิ่งสร้างนั้น เนื่องจากว่าเพราะความรัก พระองค์จึงได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา และเพราะความรัก พระองค์จึงได้ประทานตัวตนแก่มนุษย์
ให้สามารถลิ้มรสสมบัตินิรันดรของพระองค์ (น.แคธรีน แห่งเซียนา)
357เพราะได้รับการสร้างขึ้นมาตามพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้า มนุษย์แต่ละคนจึงมีศักดิ์ศรีในฐานะเป็น "บุคคล"
มนุษย์ไม่ได้เป็นเพียงอะไรสักอย่าง แต่เป็นคนๆ หนึ่ง
มนุษย์สามารถรู้จักตนเอง ควบคุมตนของตน และอุทิศตนได้อย่างอิสระ และร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกับบุคคลอื่นๆ และอาศัยพระหรรษทาน มนุษย์ก็ได้รับเรียกให้มามีพันธสัญญากับองค์พระผู้สร้างแห่งตน ให้ถวายการตอบสนองแด่พระองค์ด้วยความเชื่อและความรักซึ่งใครอื่นก็ไม่สามารถมาถวายแทนตัวเขาได้
358พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับมนุษย์ (เทียบ พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 12.1; 24.3; 39.1) แต่มนุษย์ได้รับการสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้และรักพระเจ้า
และเพื่อถวายสิ่งสร้างทั้งมวลแด่พระองค์
ดังนั้น สิ่งสร้างใดเล่ากำลังจะมีชีวิตขึ้นมา ในสภาพแวดล้อมที่เอาอกเอาใจเพียบพร้อมทุกอย่างเช่นนี้ คำตอบก็คือมนุษย์ รูปพรรณสัณฐานสูงใหญ่น่าชม
เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ประเสริฐในสายพระเนตรของพระเจ้ายิ่งกว่าสิ่งสร้างใดๆ ทั้งมวล นั่นคือมนุษย์ และสำหรับมนุษย์นี้เองที่ฟ้า ดิน ทะเล และสิ่งสร้างทั้งมวล
ถูกสร้างขึ้นมาให้ดำรงอยู่ และเพื่อความรอดของมนุษย์ ซึ่งพระเจ้าทรงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งนี้เอง ที่พระเจ้ามิได้ทรงละเว้นแม้กระทั่งพระบุตรของพระองค์เองเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด เนื่องจากพระเจ้ามิได้ทรงหยุดยั้งที่จะให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามพระประสงค์ เพื่อให้มนุษย์ได้ขึ้นไปถึงพระองค์ และได้นั่งอยู่เบื้องขวาของพระองค์
(น.ยอห์น คริสโซสโตม In Gen. sermo 2,1:PG 54,587D-588A)
359"แท้จริงแล้ว ในธรรมล้ำลึกแห่งพระวจนาตถ์ผู้ทรงรับเอากาย มาบังเกิดเป็นมนุษย์นั้นเองที่ธรรมล้ำลึกแห่งมนุษย์ได้รับความสว่างขึ้นมาอย่างจริงจัง"
(พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 22.1)
นักบุญเปาโลสอนเราว่า มีมนุษย์สองคนที่เป็นต้นกำเนิดแห่งมนุษยชาติ คืออาดัมและพระคริสต์... นักบุญเปาโลกล่าวว่า อาดัมคนแรกได้รับการสร้างขึ้นมา
ให้มีตัวตนเป็นมนุษย์ ซึ่งได้รับชีวิต แต่คนสุดท้ายเป็นจิตผู้ประทานชีวิต อาดัมคนแรกได้รับการสร้างขึ้นมาโดยคนสุดท้าย ซึ่งจากคนสุดท้ายนี้ อาดัมคนแรกได้รับวิญญาณซึ่งทำให้เขามีชีวิต อาดัมคนที่สองได้ก่อรูปพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในอาดัมคนแรก ขณะที่ทรงปั้นอาดัมคนแรกนั้น จากนั้น พระองค์จึงได้ทรงสวมบทบาทและได้รับชื่อของอาดัมคนแรก เพื่อว่าสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นตามพระฉายาลักษณ์ จะได้ไม่สูญสลายไป อาดัมคนแรก อาดัมคนสุดท้าย คนแรกได้เริ่มขึ้น คนสุดท้ายจะไม่สิ้นสุดไป เนื่องจากว่า แท้จริงแล้ว คนสุดท้ายก็คือคนแรก ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ด้วยพระองค์เองว่า "เราคือคนแรกและคนสุดท้าย" (น.เปโตร คริสโซโลกัส Sermo117 : PL 52,520-521)
360อาศัยที่มีต้นกำเนิดร่วมกัน มนุษยชาติจึงรวมกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว เนื่องจากว่าพระเจ้า
"ได้โปรดให้บุตรหลานผู้สืบสายโลหิตทั้งหมดของมนุษย์ ถือกำเนิดมาจากต้นตออันเดียวกัน"
(กจ.17:26 เทียบ ทบต.8:6)
เป็นทัศนภาพอันงดงามน่าพิศวง ซึ่งชวนให้เราหันมาพินิจพิศดูชาติพันธุ์มนุษย์ของเรา ในเอกภาพแห่งต้นกำเนิดในองค์พระเจ้า ในเอกภาพแห่งธรรมชาติมนุษย์
ซึ่งประกอบด้วยกายอันเป็นสสาร และวิญญาณอันเป็นจิตเหมือนกันหมดในมนุษย์ทุกตัวคน ในเอกภาพแห่งเป้าหมายเฉพาะหน้าและพันธกิจของมนุษย์ภายในโลก ในเอกภาพแห่งที่พักอาศัยของมนุษย์ อันได้แก่แผ่นดิน และทรัพย์สิน ซึ่งมนุษย์ทุกคน
-โดยสิทธิตามธรรมชาติ- สามารถนำไปใช้ได้เพื่อค้ำจุนและพัฒนาชีวิต เอกภาพแห่งเป้าหมายเหนือธรรมชาติ คือองค์พระเจ้าเอง ซึ่งทุกคนจักต้องโน้มน้าวเข้าไปหา ในเอกภาพแห่งลู่ทางเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางนั้น...
ในเอกภาพแห่งการไถ่กู้ซึ่งพระคริสต์ทรงกระทำเพื่อมนุษย์ทุกคน (Pius XII, Enc. Summi pontificatus 3; cf. NA 1)
361"กฎแห่งการผนึกกำลังของมนุษย์เข้าเป็นหนึ่งเดียว และกฎแห่งความรัก หรือเมตตาธรรม" (พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 Summi pontificatus 3) โดยไม่กีดกันความหลากหลาย
ซึ่งมีอยู่มากมายในตัวบุคคล ในวัฒนธรรม และในประชากรชาติต่างๆ เป็นหลักประกันให้เรามั่นใจว่ามนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง
|