หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

2. โลกที่มองเห็นได้ด้วยตา

337พระเจ้าพระองค์เองที่ได้ทรงสร้างโลกที่มองเห็นได้ด้วยตาในลักษณะที่มั่งคั่ง หลากหลายและเป็นระเบียบเรียบร้อย พระคัมภีร์เสนอผลงานของพระผู้สร้างในแบบของสัญลักษณ์ เป็น "การทำงาน" ของพระเจ้าติดต่อกันเป็นระยะหกวัน ซึ่งจบลงด้วย "การพักผ่อน" ในวันที่เจ็ด (ปฐก.1:1-2:4) เกี่ยวกับการสร้างโลกนี้ พระคัมภีร์สอนข้อความจริงซึ่งเผยแสดงโดยพระเจ้า เพื่อความรอดของเรา (เทียบ การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 11) ซึ่งช่วยให้เราสามารถ "รู้ถึงธรรมชาติอันลึกซึ้งของการสร้าง คุณค่าของการสร้างและจุดหมายสุดท้ายซึ่งก็คือพระสิริมงคลของพระเจ้า" (พระศาสนจักร ข้อ 36.2)

338ไม่มีสิ่งใดเลยที่ดำรงอยู่ โดยมิได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระผู้สร้าง โลกได้เริ่มขึ้นเมื่อโลกถูกดึงออกมาจากความว่างเปล่าโดยพระวจนะของพระเจ้า สิ่งสร้างทั้งหมดที่มีอยู่ ธรรมชาติทั้งหมด ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติโดยตลอด มีรากแก้วฝังอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปฐมกาลนั้น นั่นคือกระบวนการพัฒนา ซึ่งโลกถูกสร้างให้ก่อตัวขึ้นมา และการเวลาก็เริ่มต้น โดยอาศัยกระบวนการนี้เอง (เทียบ น.ออกัสติน PL 34,175)

339ทุกสิ่งสร้างมีความดีและความสมบูรณ์พร้อมอยู่ในตัวโดยเฉพาะ สำหรับผลงานแต่ละชิ้นที่พระเจ้าทรงสร้างในเวลา "หกวัน" นั้น มีกล่าวไว้ว่า "และพระเจ้าทรงเห็นว่าสิ่งนั้นดี" เพื่อเห็นแก่สิ่งสร้างทั้งปวงนั้นเองที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกจัดวางไว้อย่างกลมกลืน  ปราศจากการขัดแย้งกัน มีความจริงและความเลิศเลอเฉพาะตัว พร้อมทั้งระเบียบข้อบังคับและบทบัญญัติจำเพาะ" (พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 36.1) สิ่งสร้างต่างๆ ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นตามพระทัยปรารถนา ให้เป็นตัวตนดำรงอยู่ในลักษณะของมันเองนั้น แต่ละสิ่งในแบบของมันเอง เป็นการสะท้อนรัศมีแห่งพระปรีชาญาณและพระทัยกรุณาอันหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงพึงเคารพต่อความดีเฉพาะตัวของแต่ละสิ่งสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการนำสรรพสิ่งไปใช้อย่างไร้ระเบียบ ซึ่งจะเป็นการหมิ่นพระผู้สร้าง และชักนำให้เกิดผลสืบเนื่องอันเป็นอันตรายต่อมนุษย์ และภาวะแวดล้อมของมนุษย์

340การพึ่งพาอาศัยกันและกันระหว่างสิ่งสร้างทั้งหลาย เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนา  ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต้นสนสีดาร์และดอกไม้น้อย อินทรีและนกกระจอก ทัศนภาพแห่งความหลากหลายอันนับไม่ถ้วน และความไม่เสมอภาคระหว่างสิ่งสร้างเหล่านี้ หมายถึงว่าไม่มีสิ่งสร้างหนึ่งใดเลยที่เลี้ยงตนเองได้โดยลำพัง   สิ่งสร้างจะดำรงอยู่ได้ก็แต่ในสภาพพึ่งพาอาศัยกันและกัน เพื่อจะช่วยเสริมเติมต่อกันและกันให้สมบูรณ์ และรับใช้กันและกัน

341ความงามของจักรวาล ระเบียบและภาวะบรรสานของโลกที่ถูกสร้างขึ้นมา เป็นผลจากความหลากหลายของสัตว์โลกและความสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างกัน มนุษย์ค้นพบสิ่งนี้ไปตามขั้นตอนในลักษณะของกฎธรรมชาติ ระเบียบและความกลมกลืนดังกล่าวนี้ เป็นที่ชื่นชมของเหล่าปราชญ์ ความงามของสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา สะท้อนให้เห็นความงามอันหาที่สุดมิได้ของพระผู้สร้าง ความงามนี้สมควรได้แรงบันดาลใจให้เกิดความเคารพ และการยอมสยบแห่งดวงปัญญาของมนุษย์ รวมทั้งเจตจำนงของมนุษย์อีกด้วย

342ฐานานุกรมของสิ่งสร้าง แสดงออกโดยระเบียบอันดับของการสร้างใน "หกวัน" ซึ่งเรียงจากที่สมบูรณ์น้อยสุดไปจนสมบูรณ์พร้อมที่สุด พระเจ้าทรงรักสิ่งสร้างทั้งหมดของพระองค์ (เทียบ สดด.145:9) และทรงดูแลแต่ละสิ่ง แม้กระทั่งนกกระจาบ อย่างไรก็ตาม พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมากมาย" (ลก.12:6-7)  หรือมิฉะนั้นก็ "มนุษย์คนหนึ่งย่อมมีค่ากว่าแกะมากนัก" (มธ.12:12)

343มนุษย์เป็นสุดยอดแห่งกิจการสร้างสรรค์ของพระเจ้า เรื่องเล่าที่มาจากแรงบันดาลใจ แสดงให้เห็นโดยแบ่งแยกการสร้างมนุษย์ออกจากการสร้างสิ่งสร้างอื่นๆ อย่างชัดเจน (เทียบ ปฐก. 1:26)

344มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวอย่างเหนียวแน่นอยู่ระหว่างสิ่งสร้างทั้งหลาย จากความจริงที่ว่า สิ่งสร้างทั้งปวงมีพระผู้สร้างองค์เดียวกัน และทุกสิ่งสร้างก็จัดระเบียบไว้เพื่อพระสิริมงคลของพระองค์

ข้าแต่พระองค์ ขอจงได้รับการสรรเสริญในสิ่งสร้างทั้งปวงของพระองค์

โดยเฉพาะดวงอาทิตย์ซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชาย

ซึ่งอาศัยดวงอาทิตย์นี้ พระองค์ก็ได้ประทานแสงสว่างแห่งทิวาแก่เรา

ดวงอาทิตย์นั้นงดงามเปล่งรัศมีรุ่งโรจน์ตระการตา

เป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าสูงสุด

ขอจงได้รับการสรรเสริญเช่นกัน สำหรับสายน้ำซึ่งเปรียบเสมือนน้องสาว

เปี่ยมไปด้วยประโยชน์ และสภาพถ่อมตนยิ่งนัก

แสนประเสริฐ และบริสุทธิ์

ขอจงได้รับการสรรเสริญ สำหรับแผ่นดินซึ่งเปรียบเสมือนพี่สาวและมารดาของเรา

ซึ่งอุ้มชูเราและหล่อเลี้ยงเรา

เป็นผู้ผลิตผลไม้หลากหลาย

รวมทั้งดอกไม้สารพัดสี และต้นหญ้านานามี

จงสรรเสริญและถวายพรแด่พระผู้เป็นเจ้าของข้าฯ

จงโมทนาคุณพระองค์และรับใช้พระองค์

ด้วยใจสุภาพอย่างแท้จริง (น.ฟรังซิส อัสซีซี)

345วันสับบาโต-วันจบกิจการที่ได้ทำมา "หกวัน"  พระคัมภีร์กล่าวว่า "วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงกระทำมานั้น" และดังนี้ "ฟ้าและแผ่นดิน พระเจ้าก็ทรงสร้างสำเร็จ" และในวันที่เจ็ด พระเจ้าก็ "ทรงพักการงาน" และทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ดนั้น และทรงตั้งไว้ให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ (ปฐก.2:1-3) ถ้อยคำซึ่งเขียนขึ้นด้วยแรงดลใจจากพระเจ้านี้ เปี่ยมไปด้วยคำสั่งสอนอันเป็นคุณประโยชน์

346ในการสร้างโลก พระเจ้าได้ทรงวางรากฐาน และบทบัญญัติที่มั่นคงยั่งยืนอยู่เสมอ ซึ่งผู้มีความเชื่อจะสามารถยึดมั่นพึ่งพิงได้ด้วยความวางใจ และซึ่งจะเป็นเครื่องหมายและหลักประกันความสัตย์ซื่ออันไม่มีวันคลอนแคลนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า (เทียบ ฮบ.4:3-4 ยรม.31:35-37;33:19-26) ในส่วนของมนุษย์เอง มนุษย์ก็ควรจะต้องซื่อตรงต่อรากฐานอันนี้ และเคารพในพระบัญญัติซึ่งองค์พระผู้สร้างได้ทรงจารึกลงไว้

347การสร้างโลกกระทำขึ้นโดยมีเป้าประสงค์อยู่ที่วันสับบาโต ซึ่งมีไว้เพื่อเคารพสักการะและนมัสการบูชาพระเจ้า การเคารพสักการะนี้กำหนดไว้แล้วในระเบียบของสิ่งสร้าง (เทียบ ปฐก.1:14) "อย่าให้ความสำคัญแก่สิ่งใดเกินการเคารพสักการะพระเจ้า" (น.เบเนดิก PL 66,675-676) เป็นการชี้ให้เห็นระเบียบที่ถูกต้องของความกังวลในใจมนุษย์

348วันสับบาโตอยู่ตรงใจกลางแห่งบัญญัติของชนชาติอิสราเอล ถือตามพระบัญญัติคือการตั้งอยู่ในพระปรีชา-ญาณและปฏิบัติตนสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งแสดงออกอยู่ในกิจการสร้างสรรค์ของพระองค์

349วันที่แปด แต่สำหรับเรา วันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว  นั่นคือวันแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสตเจ้า วันที่เจ็ดเป็นวันจบการสร้างครั้งแรก วันที่แปดเป็นวันเริ่มต้นการสร้างครั้งใหม่ ดังนี้ กิจการสร้างสรรค์จึงมีจุดสุดยอดอยู่ที่กิจการที่ยิ่งใหญ่กว่า คือการไถ่กู้มนุษย์ให้รอด การสร้างครั้งแรกพบความหมายและสุดยอดแห่งตนอยู่ในการสร้างครั้งใหม่ในองค์พระคริสต์ ซึ่งความสง่างามอยู่เหนือความสง่างามแห่งการสร้างครั้งแรก