หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

3. พระเจ้า "ผู้ทรงเป็น" คือความจริงและความรัก

214พระเจ้า "ผู้ทรงเป็น" ได้เผยแสดงพระองค์แก่ชนชาติอิสราเอล ในฐานะองค์พระผู้"บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์ซื่อ" (อพย.34:6) ทั้งสองคำนี้แสดงให้เห็นในลักษณะที่กลั่นกรองแล้วถึงความมั่งคั่งที่มีอยู่ในพระนามของพระเจ้า ในกิจการทั้งหมดของพระองค์ พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นถึงความเอื้ออารี ความมีพระทัยดี การให้อภัย และความรักของพระองค์  แต่ในเวลาเดียวกันก็แสดงว่าทรงเป็นผู้ที่เราไว้ใจได้  ทรงแน่วแน่มั่นคง ทรงสัตย์ซื่อ   และทรงเป็นองค์แห่งความจริงอีกด้วย  "ข้าพระองค์ถวายโมทนาพระคุณแก่พระนามของพระองค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์และความสัตย์สุจริตของพระองค์" (สดด.138:2 เทียบ สดด.85:11) พระองค์คือความจริง เหตุว่า "พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง  และไม่มีความมืดใดอยู่ในพระองค์เลย" (1ยน.1:5) พระองค์คือ "ความรัก"เหมือนดังที่อัครสาวกยอห์นสอนไว้ (1ยน.4:8)

พระเจ้าคือความจริง

215"สาระสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์คือความจริง และกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์ทุกข้อดำรงอยู่เป็นนิตย์" (สดด.119:160) "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และบรรดาพระวาทะของพระองค์เป็นความจริง" (2ซมอ.7:28) ด้วยเหตุนี้ พระสัญญาของพระเจ้าจึงสำเร็จเป็นจริงเสมอ (เทียบ ฉธบ.7:9) พระเจ้าคือองค์ความจริงโดยแท้ พระวาจาของพระองค์จะทำให้ผิดหลงย่อมไม่ได้   ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถมอบตนด้วยความไว้วางใจถึงที่สุด ให้แก่ความจริงและความสัตย์ซื่อแห่งพระวาจาของพระองค์ในทุกๆ สิ่งการเริ่มต้นของบาปและความผิดพลาดของมนุษย์ อยู่ที่การมุสาของผู้ที่มาล่อลวง ซึ่งมาชักจูงให้สงสัยในพระวาจาของพระเจ้า สงสัยในพระทัยอารี และความสัตย์ซื่อของพระองค์

216ความจริงของพระเจ้า คือพระปรีชาญาณของพระองค์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาระเบียบทั้งมวลในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา และในการปกครองโลก (เทียบ ปชญ.13:1-9) พระเจ้าพระองค์เดียว เป็นผู้ทรงสร้างฟ้าและดิน พระองค์ผู้เดียวสามารถประทานความรู้แท้เกี่ยวกับทุกสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นมา ในการติดต่อสัมพันธ์กับพระองค์ (เทียบ สดด.115:15; ปชญ.7:17-21)

217พระเจ้าคือความจริงอีกด้วยเมื่อทรงเผยแสดงพระองค์ คำสั่งสอนที่มาจากพระเจ้าเป็น "หลักคำสอนที่แท้จริง" (มลค.2:6) เมื่อใดที่จะทรงส่งพระบุตรลงมาในโลก ก็จะ "เพื่อเป็นประจักษ์พยานให้แก่สัจจะ" (ยน.18:37) "เราทั้งหลายรู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมาแล้ว พระองค์ได้ประทานความเข้าใจให้แก่เรา เพื่อเราจะได้รู้จักพระเจ้าเที่ยงแท้" (1ยน.5:20)

พระเจ้าคือความรัก

218ตลอดประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล พวกเขาสามารถค้นพบว่าพระเจ้าทรงมีเหตุผล อยู่เพียงหนึ่งเดียว ในการสำแดงพระองค์แก่พวกเขา และได้ทรงเลือกพวกเขาจากบรรดาประชากรทั้งหลาย ให้มาเป็นประชากรของพระองค์ นั่นคือ ความรักแบบให้เปล่าของพระองค์ (เทียบ ฉธบ.4:37; 7:8; 10:15) และอิสราเอลก็ได้เข้าใจ -อาศัยบรรดาประกาศกแห่งตน- ว่า ก็ด้วยความรักอีกนั่นแหละที่พระเจ้ามิได้ว่างเว้นที่จะช่วยพวกเขาให้รอดและประทานอภัยให้แก่ความไม่ซื่อสัตย์และการทำบาปของพวกเขา (เทียบ อสย.43:1-7; ฮชย.2)

219ความรักของพระเจ้าต่อชนชาติอิสราเอล เปรียบได้กับความรักของผู้เป็นบิดาต่อบุตรของตน (ฮชย.11:1) ความรักนี้ทรงพลังยิ่งกว่าความรักของมารดาต่อลูกๆ ของเธอ พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์ยิ่งกว่าผู้เป็นสามีรักภรรยาสุดที่รักของตน ความรักนี้จะพิชิตแม้กระทั่งความไม่ซื่อสัตย์ที่เลวร้ายที่สุด ความรักนี้จะไปไกลถึงขั้นยอมอุทิศสิ่งที่ประเสริฐที่สุดให้ "พระเจ้าทรงรักโลกมากจนถึงกับได้ประทานพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์" (ยน.3:16)

220ความรักของพระเจ้านั้น "นิรันดร" (อสย.54:8)  "เพราะภูเขาอาจจะพรากจากไป และเนินอาจจะคลอนแคลน แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า" (อสย.54:10) "ด้วยความรักนิรันดร์ เราได้รักเจ้า เพราะฉะนั้น เราจึงได้รักษาความโปรดที่มีต่อเจ้าไว้เสมอไป" (ยรม.31:3)

221นักบุญยอห์น (เข้าใจ) ไปไกลกว่านี้อีกเมื่อยืนยันว่า "พระเจ้าทรงเป็นความรัก" (1ยน.4:8,16) การดำรงอยู่ของพระเจ้านั้นเองคือความรัก ในการทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ และพระจิตแห่งความรักมาในสัมบูรณภาพแห่งกาลเวลา พระเจ้าก็ได้ทรงเผยแสดงความลับที่เร้นอยู่อย่างลึกซึ้งภายในพระองค์ (เทียบ 1คร.2:7-16; อฟ.3:9-12) นั่นคือการที่พระองค์เองทรงเป็นการแลกเปลี่ยนความรักอยู่ตลอดนิรันดร พระบิดา พระบุตร และพระจิตศักดิ์สิทธิ์ และพระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าให้เราได้เข้าไปมีส่วนในความรักนี้ด้วย