หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

2. พระเจ้าทรงเผยแสดงพระนาม

203พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์ต่อประชากรอิสราเอลของพระองค์ โดยทรงโปรดให้พวกเขาได้รู้จักพระนามของพระองค์ ชื่อเป็นการแสดงถึงสารัตถะสำคัญ ถึงเอกลักษณ์ของบุคคล และความหมายแห่งชีวิตของเขา พระเจ้ามีชื่อ พระองค์มิใช่พลังอะไรอันหนึ่งที่นิรนาม การบอกชื่อคือการสำแดงตนให้ผู้อื่นรู้จัก เรียกว่าเป็นการเปิดเผยตนเองโดยทำตนให้ผู้อื่นเข้าถึงได้ สามารถเป็นที่รู้จักอย่างใกล้ชิดสนิทสนม และได้รับเรียกชื่อเป็นส่วนตัว

204พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์ไปทีละขั้น และภายใต้พระนามต่างๆ กันต่อประชากรของพระองค์ แต่การเผยแสดงพระนามของพระเจ้าที่ประทานแก่โมเสสในการสำแดงพระองค์ โดยอาศัยพุ่มไม้ที่ไฟลุกโชติช่วง เมื่อเริ่มการอพยพ และเมื่อประทานพันธสัญญาบนภูเขาซีนายนั้นเอง ที่ปรากฏเป็นการเผยแสดงระดับพื้นฐานสำหรับพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่

พระเจ้าผู้ทรงชีวิต

205พระเจ้าทรงเรียกโมเสสจากกลางพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟโดยไม่ไหม้ พระเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า "เราคือพระเจ้าของบิดาเจ้า พระเจ้าแห่งอับราฮัม พระเจ้าแห่งอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ" (อพย.36) พระเจ้าคือพระเจ้าแห่งบิดาทั้งหลาย เป็นพระเจ้าผู้ตรัสเรียก และทรงนำทางให้บรรดาอัยกาในการโยกย้ายถิ่นฐานของพวกเขา ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซื่อสัตย์และมีพระทัยเมตตาเวทนาสงสารคนเหล่านั้น ทรงรำลึกถึงพวกเขาและคำสัญญาของพระองค์เอง พระองค์เสด็จมาเพื่อปลดปล่อยทายาทของพวกเขาให้พ้นจากสภาพการเป็นทาส ทรงเป็นพระเจ้าอยู่เหนือเทศะและกาละทั้งปวง ทรงสามารถและปรารถนาดังนั้น  และจะทรงใช้พระฤทธานุภาพให้ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการของพระองค์

"เราเป็นผู้ที่เราเป็น"

โมเสสทูลพระเจ้าว่า "เมื่อข้าพระองค์ไปหาชนชาติอิสราเอล และบอกพวกเขาว่า "พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย ทรงสั่งข้าพเจ้าให้มาหาท่าน" และเขาจะถามข้าพระองค์ว่า "พระองค์ทรงพระนามว่ากระไร" ข้าพระองค์จะตอบเขาอย่างไร พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "เราเป็นผู้ที่เราเป็น" แล้วพระองค์ตรัสว่า "ไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า เราเป็น ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย... นี่แหละนามของเราตลอดไปเป็นนิตย์ นี่แหละเป็นอนุสรณ์ของเราตลอดทุกชาติพันธุ์" (อพย.3:13-15)

206ในการเผยแสดงพระนามอันลึกล้ำว่า YHWH "เราเป็นผู้ที่เป็นอยู่" หรือ "เราเป็นผู้ที่ดำรงอยู่" หรือ "เราเป็นผู้ที่เราเป็น" พระเจ้าทรงบอกว่าพระองค์คือใคร และเราควรเรียกพระองค์ด้วยนามใด พระนามพระเจ้าเป็นสิ่งลึกล้ำเช่นเดียวกับที่พระเจ้าเป็นธรรมล้ำลึก พระองค์ทรงเป็นทั้งนามที่เผยแสดงแล้ว และเป็นเหมือนการปฏิเสธนามนั้นในเวลาเดียวกัน และจากสิ่งนี้เอง พระองค์จึงสำแดงออกซึ่งความเป็นพระเจ้าได้อย่างดีที่สุด เช่นที่พระองค์ทรงเป็น คือทรงอยู่เหนือทุกสิ่งที่เราสามารถเข้าใจหรือเอ่ยถึงได้อย่างเหลือเกิน พระองค์ทรงเป็น พระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์ พระนามของพระองค์นั้นเหลือที่จะพรรณนา และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าใกล้ชิดกับมนุษย์ (เทียบ อสย.45:15, วนฉ.13:18)

207ในการเผยแสดงพระนามของพระองค์ พระเจ้าทรงเผยแสดงความซื่อสัตย์ของพระองค์ด้วยในเวลาเดียวกัน เป็นความซื่อสัตย์ซึ่งมีมาตลอดกาลและคงอยู่ตลอดไปเป็นนิจกาล ใช้ได้ในอดีต "เราคือพระเจ้าของบิดาเจ้า" (อพย.3:6) เช่นเดียวกับในอนาคต "เราจะอยู่กับเจ้าแน่" (อพย.3:12) พระเจ้าผู้เผยพระนามว่า "เราเป็น" เผยแสดงพระองค์ในฐานะเป็นพระเจ้าผู้ประทับอยู่ ณ ที่นั้นเสมอ   ประทับอยู่ใกล้กับประชากรของพระองค์เพื่อทรงช่วยพวกเขาให้รอด

208เบื้องหน้าการประทับอยู่อย่างดึงดูดใจและลึกล้ำของพระเจ้า มนุษย์ก็ค้นพบความต่ำต้อยของตนเอง เมื่ออยู่หน้าพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ โมเสสถอดรองเท้าของตนออก และยกผ้าปิดหน้า เมื่อเผชิญกับศักดิ์สิทธิภาพของพระเจ้า (เทียบ อพย.3:5-6) ต่อหน้าพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นตรีคูณ ประกาศกอิสยาห์ร้องว่า "วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพินาศแล้ว เหตุว่าข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด" (อสย.6:5) เมื่อได้เห็นสัญญาณของพระเจ้าในสิ่งซึ่งพระเยซูเจ้าทรงกระทำ เปโตรก็อุทานว่า "โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป" (ลก.5:8) แต่เพราะพระเจ้าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ จึงทรงสามารถอภัยให้แก่มนุษย์ ซึ่งพบว่าตนเป็นคนบาปต่อพระพักตร์พระองค์ "เราจะไม่ลงอาชญาตามที่เรากริ้วจัด... เพราะเราเป็นพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางพวกเจ้า" (ฮชย.11:9)    อัครสาวกยอห์นก็จะกล่าวในทำนองเดียวกันว่า "เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ใจเราจะหมดกังวล ถ้าใจเรากล่าวโทษตัวเราเมื่อไร  เราก็จะรู้ว่าเราอยู่ฝ่ายสัจจะ  เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา และทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง" (1ยน.3:19-20)

209เพื่อแสดงความเคารพต่อศักดิ์สิทธิภาพของพระเจ้า ประชากรชาวอิสราเอลจะไม่เอ่ยพระนามของพระเจ้า ในการอ่านพระคัมภีร์ พระนามซึ่งเผยแสดงแล้ว จะได้รับการแทนที่โดยตำแหน่งองค์พระผู้เป็นเจ้า   (ในภาษาฮีบรู Adonai ในภาษากรีก Kyrios)   ภายใต้พระนามในตำแหน่งนี้เอง ที่พระเทวภาพของพระเยซูเจ้าจะได้รับการแซ่ซ้องว่า "พระเยซูผู้เป็นเจ้า"

"พระเจ้าแห่งความรักอันอ่อนหวานและเมตตาสงสาร"

210หลังการทำบาปของประชาชนชาวอิสราเอล ซึ่งละทิ้งพระเจ้าเพื่อหันไปบูชารูปวัวทองคำ พระเจ้าทรงรับฟังคำวิงวอนของโมเสส และทรงรับที่จะดำเนินอยู่ท่ามกลางประชากรที่ไม่ซื่อนั้น เป็นการสำแดงให้ประจักษ์ถึงความรักของพระองค์ (เทียบ อพย.32; 33:12-17)พระเจ้าตรัสตอบแก่โมเสสผู้ทูลขอให้พระองค์สำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้เขาได้ชมว่า "เราจะให้คุณความดีของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเรา คือยาห์เวห์ ให้ประจักษ์ต่อหน้าเจ้า" (อพย.33:18-19) แล้วองค์พระเป็นเจ้าก็เสด็จผ่านไปเบื้องหน้าโมเสส และประกาศว่า "พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงกรุณา กอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้า บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์จริง" (อพย.34:5-6) โมเสสจึงประกาศยืนยันว่าองค์พระผู้-เป็นเจ้า เป็นพระเจ้าผู้ประทานอภัย (เทียบ อพย.34:9)

211พระนามของพระเจ้าที่ว่า "เราเป็น" หรือ "พระองค์เป็น" เป็นการแสดงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า  ผู้ซึ่ง -แม้มนุษย์จะไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และได้กระทำบาปอันสมควรจะได้รับการลงโทษ- "ก็ยังทรงรักษาการประทานอภัยไว้ให้แก่มนุษย์เป็นเรือนพัน" (อพย.34:7) พระเจ้าทรงเผยแสดงว่าพระองค์ "ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา" (อฟ.2:4) ถึงขนาดประทานพระบุตรของพระองค์เอง เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอุทิศชีวิตของพระองค์เพื่อปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปนั้น พระองค์จะทรงเผยแสดงว่าพระองค์เองทรงมีพระนามเช่นเดียวกับพระเจ้า "เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่า "เราคือผู้เป็น" (ยน.8:28)

พระเจ้าเท่านั้นทรงเป็น

212ตลอดเวลาหลายศตวรรษ ความเชื่อของชนชาติอิสราเอลสามารถคลี่คลายและหยั่งรู้อย่างลึกซึ้งถึงสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ในการเผยแสดงพระนามของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียว นอกจากพระองค์แลัว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย (สดด.102:26-27) พระองค์ทรงอยู่เหนือธรรมชาติและเหตุผลของโลกและประวัติศาสตร์ พระองค์ได้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดิน "สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะทรงดำรงอยู่  สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม แต่พระองค์ยังคงเดิม และปีเดือนของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด" (สดด.102:26-27) ในพระองค์ "ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ไม่ทรงมีแม้แต่เงาแห่งการแปรปรวนใดๆ" (ยก.1:17) พระองค์ทรงเป็น  "ผู้ดำรงอยู่" มาตั้งแต่กัปกัลป์และตลอดนิรันดร และดังนี้พระองค์จึงยังคงทรงสัตย์ซื่อเสมอต่อพระองค์เอง และต่อคำมั่นสัญญาของพระองค์

213การเผยแสดงพระนามอันเหลือที่จะพรรณนาว่า "เราคือผู้เป็น" จึงประจุไว้ซึ่งความจริงที่ว่าพระเจ้าเท่านั้นทรงเป็น คำแปลพระคัมภีร์ "The Septuagint" จากภาษาฮีบรูมาเป็นภาษากรีก และธรรมประเพณีต่อมาของพระศาสนจักร ได้เข้าใจพระนามพระเจ้า ว่าพระเจ้าคือสัมบูรณภาพแห่งการดำรงอยู่ และความสมบูรณ์พร้อมทุกประการ ปราศจากบ่อเกิดที่มาและปราศจากจุดจบ ในขณะที่สิ่งสร้างทั้งหลายได้รับตัวตนของตน และทุกสิ่งที่ตนมีมาจากพระเจ้า แต่พระเจ้าพระองค์เดียวเป็นการดำรงอยู่โดยพระองค์เอง และทรงเป็นทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นด้วยพระองค์เอง