นับแต่ดั้งเดิมเริ่มแรกมาแล้ว พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์ให้เป็นที่รู้จัก
54"พระเจ้าผู้ทรงสร้างและรักษาสรรพสิ่งไว้โดยอาศัยพระวจนาตถ์ ได้ประทานประจักษ์พยานอย่างไม่หยุดหย่อนเกี่ยวกับพระองค์เอง ไว้ในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นมา
ยิ่งกว่านั้น ด้วยทรงปรารถนาจะเปิดมรรคาแห่งความรอดในระดับสูงขึ้นไป จึงทรงสำแดงพระองค์เองมาแต่ดั้งเดิมแก่ปฐมบิดามารดาของเรา" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 3 เทียบยน.1:3; รม.1:19-20)
พระองค์ได้ทรงเชิญชวนเขาให้ร่วมใจชิดสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ โดยทรงปกป้องเขาไว้ในพระหรรษทานและพระยุติธรรม อันเปล่งประกายสว่างพร่างพราว55การเผยแสดงนี้มิได้หยุดชะงักไปเพราะบาปแห่งบิดามารดาเดิมของเรา แท้จริง
"หลังจากเขาทั้งสองได้พลาดพลั้งลงแล้ว พระเจ้าก็ได้ทรงสัญญาว่าจะไถ่บาปพวกเขา ทรงคืนกำลังใจให้แก่เขา โดยการโปรดให้เขาเกิดความหวังในความรอด พระองค์ทรงแสดงความห่วงใยต่อมนุษย์เพื่อประทานชีวิตนิรันดรแก่ทุกคน
ซึ่งแสวงหาความรอดโดยการพากเพียรอย่างคงที่ในการบำเพ็ญความดี" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 3 เทียบ ปฐก.3:15; รม.2:6-7)
ในยามที่มนุษย์สูญเสียความเป็นมิตรของพระองค์ไป โดยการหันหลังให้พระองค์ พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ให้ตกอยู่ใต้อำนาจแห่งความตาย
พระองค์กลับทรงเพิ่มพูนพันธสัญญากับมนุษย์ทั้งหลาย (มิสซาโรมัน Eucharistic Prayer IV, 118)
พันธสัญญากับโนอาห์
56เมื่อเอกภาพแห่งพงศ์พันธุ์มนุษย์ได้แตกเป็นเสี่ยงไปเพราะบาปฉะนี้แล้ว พระเจ้าก็ได้ทรงแสวงหาก่อนอื่น ที่จะช่วยมนุษยชาติทุกกลุ่ม พันธสัญญากับโนอาห์ หลังน้ำวินาศ
แสดงถึงหลักแห่งแผนการของพระเจ้าต่อ "ประชาชาติ" เหล่านั้น กล่าวคือ ต่อมนุษย์ที่มารวมกลุ่มเข้าด้วยกัน "ตามภาษา ตามตระกูล ตามชาติของเขา" (ปฐก.10:5)
57ฐานะแห่งการแตกแยกเป็นหลายชนชาตินี้ครอบคลุมทั้งในด้านของจักรวาล สังคมและศาสนา ตั้งขึ้นไว้เพื่อจำกัดความหยิ่งจองหองของมนุษยชาติที่ตกอับ (เทียบ กจ.17:26-27)
ซึ่งมีจิตวิปริตเป็นเอกฉันท์ และต้องการสร้างเอกภาพของตนเองขึ้นมาในแบบของหอบาแบล (เทียบ ปชญ.10:5; ปฐก.11:4-6) แต่เพราะบาปเป็นเหตุ ทั้งลัทธิพหุเทวนิยมและการบูชาพระเท็จ-เทียมของชาติและของหัวหน้าของเขา
จึงคุกคามระบบชั่วคราวนี้ ให้กลายเป็นความวิปริตแบบลัทธินอกศาสนาอยู่โดยไม่หยุดหย่อน (เทียบ รม.1:18-25)
58พันธสัญญากับโนอาห์ยังใช้บังคับอยู่ตราบเท่าที่ยุคแห่งประชาชาติทั้งหลายยังดำรงอยู่ จนถึงยุคของการประกาศพระวรสารไปทั่วโลก (เทียบ ปฐก.9:16; ลก.21:24; การเผยของพระเป็นเจ้า
ข้อ 3) พระคัมภีร์ไบเบิลยกย่องนับถือผู้ยิ่งใหญ่บางคนของ "ประชาชาติ" เหล่านี้ เช่น "อาแบลผู้ชอบธรรม" กษัตริย์-สงฆ์ เมลคีเซเดค ผู้เป็นเหมือนพระคริสตเจ้า หรือผู้ชอบธรรม "โนอาห์
ดาเนียล และโยบ" (อสค.14:14) ดังนี้ พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าศักดิ์สิทธิภาพในระดับสูงขนาดไหน ที่ผู้ซึ่งดำรงชีวิตตามพันธสัญญาของโนอาห์สามารถขึ้นถึง ในระหว่างการรอคอยให้พระคริสตเจ้า
"รวบรวมลูกๆ ของพระเป็นเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" (ยน.11:52)
พระเจ้าทรงเลือกตั้งอับราฮัม
59เพื่อรวบรวมมนุษยชาติที่แตกฉานซ่านเซ็นเข้าด้วยกัน พระเจ้าทรงแต่งตั้งอับราฮัมโดยตรัสเรียกเขาให้ "ออกจากเมือง จากญาติพี่น้อง และจากบ้านของเขา" (ปฐก.12:1)
เพื่อทำให้เขาเป็นอับราฮัม คือเป็น "บิดาของประชาชาติมากมาย" (ปฐก.17:5) "บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า" (ปฐก.12:3)
60ประชากรที่เป็นเชื้อสายของอับราฮัม จะเป็นตัวแทนที่ได้รับมอบคำมั่นสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่บรรดาอัยกา เป็นประชากรที่ได้ทรงเลือกสรรแล้ว
และทรงเรียกมาให้เตรียมการรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าเข้าเป็นหนึ่งเดียวในพระศาสนจักร (เทียบ รม.11:28; ยน.11:52; 10:16) ประชากรดังกล่าวนี้จะเป็นรากแก้ว ซึ่งคนนอกศาสนาที่ได้เข้ามามีความเชื่อแล้ว
จะเอากิ่งมาต่อให้งอกงามสืบไป (เทียบ รม.11:17-18,24)
61บรรดาอัยกาและประกาศกทั้งหลาย รวมทั้งบุคคลสำคัญในพันธสัญญาเดิม เคยได้รับและจะได้รับการเคารพยกย่องอยู่เสมอ
ว่าเป็นนักบุญในธรรมประเพณีเชิงพิธีกรรมทั้งปวงของพระศาสนจักร
พระเจ้าทรงก่อตั้งประชากรอิสราเอลของพระองค์
62ต่อจากบรรดาอัยกา พระเจ้าก็ทรงก่อตั้งอิสราเอลขึ้นมาให้เป็นประชากรของพระองค์ โดยการช่วยพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาสที่อียิปต์
พระองค์ทรงกระทำพันธสัญญากับอิสราเอลบนภูเขาซีนาย และประทานพระบัญญัติแก่อิสราเอลโดยผ่านทางโมเสส เพื่อให้พวกเขายอมรับพระองค์และรับใช้พระองค์ ในฐานะพระเจ้าทรงชีวิตและเที่ยงแท้พระองค์เดียว เป็นพระบิดาผู้ทรงจัดหาทุกสิ่งให้และเป็นผู้พิพากษาที่ยุติธรรม และให้ประชากรอิสราเอลรอคอยพระผู้จะเสด็จมาช่วยให้รอดตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ (เทียบ การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 3)
63อิสราเอลคือประชากรสงฆ์ของพระเจ้า ประชากรผู้ "มีชื่อตามพระนามพระเจ้า" เป็นประชากรของบุคคลทั้งหลายผู้ซึ่ง "พระเจ้าตรัสด้วยก่อนเป็นคนแรก" (ฉธบ.28:10)
ประชากรของ "บรรดาพี่ชายหัวปี" ตามความเชื่อของอับราฮัม
64โดยอาศัยบรรดาประกาศก พระเจ้าทรงอบรมประชากรของพระองค์ให้มีความหวังในความรอดระหว่างที่รอพันธสัญญาใหม่และนิรันดร ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับมนุษย์ทุกคน
และซึ่งจารึกไว้ในหัวใจ (เทียบ อสย.2:2-4; ยรม.31:31-34; ฮบ.10:16) ประกาศกทั้งหลายประกาศเกริ่นเรื่องการไถ่กู้ประชากรพระเจ้าอย่างเด็ดขาดถึงรากถึงโคน การชำระให้บริสุทธิ์จากความไม่ซื่อตรงทั้งปวงของประชากรนั้น
และความรอดซึ่งจะรวมเอาประชาชาติทั้งหลายเข้าไว้ด้วย (เทียบ อสค.36; อสย.49:5-6; 53:11)
คนยากจนและคนสุภาพถ่อมตนของพระคริสตเจ้าผู้เป็นเจ้านั้นเองที่จะเกิดความหวังอันนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ เช่น นางซาราห์ เรเบคกา ราเชล มีเรียม เดโบราห์ อันนา ยูดิธและเอสเธอร์ ได้รักษาความหวังของอิสราเอลที่จะได้รอดนี้ให้มีชีวิตชีวาอยู่ต่อไป และผู้ที่บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาสตรีเหล่านี้ก็คือพระนางมารีอา (เทียบ ศฟย.2:3; ลก.1:38)
|