74พระเจ้า "มีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และเข้าถึงการรู้ความจริงอันสมบูรณ์" (1ทธ.2:4) คือพระเยซูคริสตเจ้า (เทียบ ยน.14:6)
จึงจำเป็นต้องมีการประกาศถึงพระคริสตเจ้าไปยังประชากรทุกชาติและมนุษย์ทุกคน และโดยวิธีนี้ การเผยแสดงของพระเจ้าก็จะแพร่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน
เมื่อได้ประทานการเผยแสดงมาเพื่อความรอดของประชาชาติทั้งหลายแล้ว พระเจ้า -ด้วยพระทัยเอื้ออารีเหมือนเดิม-
ก็ได้ทรงวางข้อกำหนดเพื่อให้การเผยแสดงนั้นดำรงอยู่ในลักษณะถูกต้องครบถ้วน และได้รับการถ่ายทอดออกไปยังชนทุกยุคทุกสมัย (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 7 เทียบ 2คร.1:20; 3:16-4:6)
1. ธรรมประเพณีของอัครสาวก
75"พระคริสต์ผู้เป็นเจ้า ซึ่งการเผยแสดงทั้งสิ้นของพระเจ้าสูงสุดได้สำเร็จไปในพระองค์ เมื่อได้ทรงปฏิบัติพันธกิจของพระองค์สำเร็จลง
และได้ประกาศพระวรสารด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์เอง ตามที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่ประกาศกทั้งหลายแล้ว ก็ได้ทรงมีบัญชาให้บรรดาอัครสาวกออกไปเทศนาแก่คนทั้งปวง ให้รู้จักพระองค์
ในฐานะที่ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความจริงทั้งมวล เกี่ยวกับความรอด และกฎแห่งจริยธรรมทั้งปวง โดยการสื่อให้เขาเหล่านั้นได้รู้ถึงของประทานของพระเจ้า" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 7 เทียบ มธ.28:19-20; มก.16:15)
การเทศน์สอนของอัครสาวก
76การถ่ายทอดพระวรสาร ตามพระบัญชาของพระคริสต์นั้น ดำเนินปฏิบัติเป็นสองวิธีคือ
ด้วยวาจา "โดยอัครสาวกทั้งหลาย ผู้ซึ่ง-ในการเทศน์ด้วยวาจา ในการเป็นแบบฉบับและในสถาบัน ก็ได้ถ่ายทอด ทั้งสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จากพระโอษฐ์ของพระคริสต์
โดยการใช้ชีวิตร่วมอยู่กับพระองค์ และได้เห็นสิ่งที่พระองค์ทรงประพฤติปฏิบัติ และสิ่งที่พวกเขาได้รับมาจากการดลใจของพระจิต" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 7)
ด้วยข้อเขียน "โดยบรรดาอัครสาวกและผู้คนที่แวดล้อมอยู่รอบข้าง ผู้ซึ่ง - ภายใต้การดลใจของพระจิตองค์เดียวกันนั้น -
ได้ฝากสารแห่งความรอดไว้โดยบันทึกลงเป็นลายลักษณ์อักษร" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 7)
...ปฏิบัติต่อมาในการสืบทอดตำแหน่งของอัครสาวก
77"เพื่อให้พระวรสารได้รับการรักษาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และทรงชีวิตอยู่เสมอในพระ-ศาสนจักร บรรดาอัครสาวกจึงทิ้งทายาทไว้ให้สืบตำแหน่งต่อไป
คือพระสังฆราชซึ่งบรรดาอัครสาวกได้ "มอบภาระหน้าที่ของตนในการสั่งสอนไว้ให้" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 7.2) จริงแท้ "คำเทศน์สอนของอัครสาวก ซึ่งแสดงออกเป็นพิเศษอยู่ในหนังสือที่เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจ จักต้องได้รับการเก็บรักษาไว้สืบทอดต่อกันไปอย่างไม่ขาดสายจนกว่าจะสิ้นยุคสมัย" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 8.1)
78การมอบหมายถ่ายทอดอย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งสำเร็จไปในองค์พระจิตนี้ เรียกว่า "ธรรม-ประเพณี" (Tradition) เพื่อให้แตกต่างออกไปจากพระคัมภีร์
แม้ว่าจะผูกพันอยู่กับพระคัมภีร์อย่างใกล้ชิด
อาศัยธรรมประเพณีนี้ "พระศาสนจักรสามารถดำรงอยู่สืบไป ในด้านหลักคำสอน ชีวิต และพิธีบูชา พร้อมทั้งถ่ายทอดทุกสิ่งที่พระศาสนจักรเองเป็นอยู่ และทุกสิ่งที่พระศาสนจักรเชื่อให้แก่ชนทุกรุ่นทุกยุคทุกสมัย" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 8.1) "คำสอนของปิตาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเป็นการยืนยันการมีอยู่ของธรรมประเพณีดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดพลังชีวา และซึ่งความมั่งคั่งผ่านเข้ามาปรากฏอยู่ในวิธีดำเนินปฏิบัติ และในชีวิตของพระศาสนจักรซึ่งเชื่อและภาวนา" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 8.3)
79ดังนี้ การติดต่อสื่อสารซึ่งพระบิดาได้ทรงกระทำด้วยพระองค์เอง โดยอาศัยพระวจนาตถ์ของพระองค์ในพระจิต จึงยังคงดำรงอยู่และปฏิบัติงานอยู่ในพระศาสนจักร
"พระเจ้าผู้ตรัสในกาลก่อน มิได้ทรงหยุดยั้งที่จะทรงสนทนากับคู่ชีวิตแห่งพระบุตรสุดรักของพระองค์ และพระจิตเจ้าผู้ดลบันดาลให้เสียงอันอันทรงชีวิตของพระวรสารสะท้อนกึกก้องอยู่ในพระ-ศาสนจักร
และในโลกโดยอาศัยพระศาสนจักร ก็ได้ทรงชักนำผู้มีความเชื่อเข้าสู่ความจริงอย่างครบครัน และทรงโปรดให้พระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในเขาเหล่านั้นอย่างอุดมสมบูรณ์" (การเผยของพระเป็นเจ้า ข้อ 8.3 เทียบ คร.3:16)
|