หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

( จากหนังสือทำวัตรเล่ม 2 เทศกาลมหาพรต และเทศกาลปัสกา )

บทอ่านจากจดหมายนักบุญมักซีมัส อธิการ

น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า คือ ให้เราทุกคนได้รับความรอด และไม่มีอะไรพอพระทัยพระองค์ เท่ากับการที่เรากลับมาหาพระองค์ด้วยการกลับใจอย่างแท้จริง ผู้ประกาศความจริง และบรรดาศาสนบริกรแห่งพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าได้กล่าวถึงเรื่องนี้แต่เริ่มแรก และกล่าวย้ำตลอดมาทุกยุคทุกสมัย พระประสงค์ของพระเป็นเจ้าที่จะให้เราได้รับความรอด เป็นเครื่องหมายประการแรกและเด่นกว่าหมด ซึ่งแสดงถึงพระทัยดีอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงแสดงว่าไม่มีอะไรใกล้ชิดดวงพระทัยพระเป็นเจ้า เท่ากับพระวจนาตถ์ของพระเป็นเจ้าพระบิดาทรงถ่อมองค์ลงสุดจะพรรณนา เจริญพระชนม์ชีพในเนื้อหนังท่ามกลางเรา ทรงทำงานทรงทนทุกข์ ทรงสอนทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อเราจะได้คืนดีกับพระบิดาเจ้า เมื่อเราเป็นศัตรูกับพระองค์ เพื่อทรงนำเรากลับสู่ชีวิตแห่งพระพร ซึ่งเราถูกกำจัดไปแล้ว พระองค์ทรงรักษาโรคทางร่างกายด้วยการอัศจรรย์ ทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาป แม้จะมากมายและหนักเพียงไรก็ตาม โดยรับทรมาน รับความตายและรับบาปทั้งหมดไว้ในพระองค์เอง เหมือนกับว่าพระองค์ต้องรับผิดชอบในบาปฉันนั้น ทั้งๆที่พระองค์ไม่ทรงต่างพร้อมด้วยบาปแม้แต่น้อย พระองค์ยังได้ทรงสอนเราด้วยวิธีต่างๆ ให้เราตั้งใจถือตามแบบอย่างของพระองค์ ในความเมตตากรุณาและรักกันและกันอย่างแท้จริง

พระคริสตเจ้าได้ประกาศว่า พระองค์เสด็จมาเรียกคนบาปให้กลับใจให้โทษบาปมิใช่เสด็จมาเพื่อผู้ชอบธรรม เพราะว่าผู้ที่มีสุขภาพดีไม่ต้องการหมอ แต่เป็นคนป่วยที่พระองค์ถูกใช้มาเพื่อแกะที่หายไปจากชาติอิสราเอล พระองค์ยังได้ทรงกล่าวเป็นปริศนาในคำเปรียบเทียบเรื่องเหรียญเงิน พระองค์ตรัสว่า จุดมุ่งหมายในการเสด็จมาก็เพื่อจะได้ทำให้รูปภาพของพระมหากษัตริย์ ที่มัวหมองเต็มไปด้วยความสกปรกของบาปกลับแจ่มชัดขึ้น พระองค์ตรัสว่า “ท่านจงแน่ใจเถิดว่า มีความชื่นชมยินดีในสวรรค์ เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจใช้โทษบาป”

เพื่อเป็นบทสอนในเรื่องนี้ พระองค์ได้ทรงช่วยชีวิตชายผู้หนึ่งที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของโจรผู้ร้าย ถูกปล้นและถูกทำร้ายอาการปางตาย พระองค์ได้ทรงเทเหล้าองุ่นและน้ำมันบนบาดแผล พันผ้าเรียบร้อย นำเขาขึ้นหลังลาแล้วพาไปยังที่พักคนเดินทางให้เงินเจ้าของที่พักไว้พอสมควรให้รักษาเขา สัญญาว่าเมื่อกลับมาจะชำระค่าใช้จ่ายที่เกินนั้นให้

พระองค์ได้ตรัสถึงพระบิดาซึ่งเป็นองค์ความดีว่า พระองค์ทรงรู้สึกสะเทือนพระทัย ทรงสงสารลูกที่หลงผิดซึ่งกลับมา และเป็นทุกข์เสียใจในความผิด พระองค์ได้ทรงสวมกอดลูกที่หลงผิด ให้สวมใส่เสื้อผ้าอย่างดีอีกครั้งหนึ่งให้สมศักดิ์ศรี และไม่ได้ติเตียนถึงบาปผิดของเขาเลย

เช่นเดียวกัน แกะหนึ่งตัวในร้อยจากฝูงแกะที่พลัดฝูงไป พระองค์ทรงพบกำลังเตร็ดเตร่อยู่ตามเนินเขา พระองค์ได้ทรงนำแกะตัวนั้นมายังคอก ไม่ใช่ด้วยไล่ต้อนให้แกะเหน็ดเหนื่อย แต่พระองค์ทรงจับแกะใส่บ่า แบกกลับมายังฝูงอย่างปลอดภัยด้วยความสงสาร

เช่นเดียวกัน พระองค์ตรัสว่า “พวกท่านทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยจากการแบกภาระหนัก จงมาหาเราเถิด เราจะให้พวกท่านได้พักผ่อนหายเหนื่อย จงรับแบกแอกของเรา” พระองค์ทรงหมายถึงพระบัญญัติของพระองค์ หรือที่ถูกต้องมากกว่าหมายถึงวิถีชีวิตทั้งหมด ซึ่งพระองค์ทรงสอนเราในพระวรสาร ต่อจากนั้น พระองค์ตรัสถึงภาระหนักซึ่งหมายถึงการงานรวมทั้งการใช้โทษบาปด้วย แท้ที่จริง พระองค์ทรงยืนยันว่า “แอกที่เราให้ท่านนั้นแบกง่ายและภาระที่เราให้ท่านก็เบา”

แล้วพระองค์ทรงสอนเรา ด้วยความยุติธรรมและพระทัยดีของพระเป็นเจ้าเตือนให้เราเป็นเหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ คือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ครบครันและเมตตากรุณาพระองค์ตรัสว่า “จงอภัยโทษแล้วท่านจะได้รับการอภัย จงทำกับผู้อื่นเหมือนดังที่ท่านปรารถนาให้ผู้อื่นทำกับท่าน”
......................................................................................................................................................