หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

การเจริญชีวิตแบบคริสตชน : คริสตชนสนทนากับพระเป็นเจ้า
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

26.ศีลศักดิ์สิทธิ์ คือเวลาพิเศษที่คริสตชนได้สนิทกับพระเป็นเจ้า แต่นอกจากนี้ ยังม ีเวลาอื่นตลอดชีวิตของคริสตชน เช่น เวลาสวดภาวนากับเวลารำพึงถึงพระวาจาของพระเป็นเจ้า ตลอดเวลาทำงานและรับใช้ผู้อื่น ก็ถือว่าเป็นการพบกับพระเป็นเจ้า ซึ่งทำให้คริสตชนมั่นคงในชีวิตของพระองค์

27.การภาวนานั้น ก่อนอื่น คือการที่มนุษย์ตอบพระเป็นเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคริสตชนซึ่งได้รับพระคุณมากมายจากพระองค์ และเขาต้องภาวนาเช่นนี้ตลอดชีวิต คริสตชนถือว่า การ ที่ต้องภาวนานั้น ไม่ใช่เพราะหมดฤทธิ์สิ้นปัญญา แต่เพราะอยากผูกพันตนในแผนการความรอดของพระเป็นเจ้า พระจิตเป็นผู้ดลใจให้มนุษย์ภาวนาแบบคริสตชน พระองค์เสด็จมาช่วยมนุ ษย์ผู้อ่อนแอ และกระตุ้นให้ภาวนาและคิดถึงพระเป็นเจ้า ดังนี้ พระเป็นเจ้าเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดปลายทางของการภาวนา ซึ่งทำให้คริสตชนมีความสนิทใกล้ชิดกับพระบิดา พระบุตรและพระจิต

28.การภาวนาของคริสตชนมีอยู่ด้วยกันสามแบบ คือภาวนาเพื่อนมัสการ และแสดงความรักต่อพระเป็นเจ้าผู้เป็น พระผู้สร้างและพระบิดา ภาวนาเพื่อขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ได้ประทานพระคุณให้เรา ภาวนาเพื่อวอนขอพระคุณ สำหรับตนเองและผู้อื่น คริสตชนยังภาวนาเพื่อขอสิ่งที่ต้องการทางโลก แต่ยังรู้ว่าเมื่อภาวนาแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่ต้ องอุตสาห์พยายามไม่ต้องศึกษาและไม่ต้องใช้วิธีการตามธรรมชาติ หรือการภาวนามีไว้สำหรับแก้ไขสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาด หรือเป็นเพียงวิธีแนะนำพระอานุภาพของพระเป็นเจ้ามาใช้ตามใจชอบ การภาวนาอุทิศแก่ผู้ตายเป็นธ รรมเนียมเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตศาสนา เราภาวนาขอพระเป็นเจ้าโปรดรับผู้ที่จากโลกนี้เข้าไปในสันติสุขของพระองค์

29.บทภาวนาที่คริสตชนชมชอบมากที่สุด คือบท “ข้าแต่พระบิดา” ซึ่งพระเยซูเจ้าสอนแก่สานุศิษย์ของพระองค์ เมื่อสวดบทนี้ คริสตชนใช้พระวาจาของพระเยซูเจ้าพูดกับพระเป็นเจ้าเหมือนอย่างพูดกับพระบิดาของตน คำภาวนาของคริสตชนในโลกรวมเข้ ากับคำภาวนาของนักบุญ ซึ่งอยู่กับพระเป็นเจ้าแล้ว และเราหวังพึ่งคำเสนอวิงวอนของท่านเหล่านั้นได้ พระนางมารีอา(7) พระมารดาของพระเยซูเจ้ามียศสูงสุดในหมู่นักบุญทั้งหลาย คริสตชนรักเคารพพระนาง ถือเป็นแม่ของตน เพราะพระนางเป็นพระมา รดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นพระเชษฐาของมนุษย์ทั้งหลาย คริสตชนย่อมวอนขอพระนางโดยสวด “วันทา มารีอา” บ่อยๆด้วยความไว้ใจและความรัก

30.นอกจากการภาวนาส่วนตัวแล้วคริสตชนยังร่วมในการภาวนาส่วนรวมซึ่งศาสนิกชนทั้งในวัดของตนและทั้งในวัดทั่วโลกถวายแด่พระเป็นเจ้า โดยร่วมกับคริสตเจ้าและนักบุญทั้งหลาย ในการภาวนาแบบนี้ เรียกว่าการภาวนาตามพิธีกรรม คริสตศาสนิกช นมีส่วนร่วมในการสรรเสริญพระเป็นเจ้าและภาวนาอุทิศแก่มนุษย์ทั้งสิ้นพร้อมกับคริสตชนทั้งหมด การภาวนาตามพิธีกรรมที่ประเสริฐที่สุดก็คือ บูชามิสซา แต่ยังมีการภาวนาสาธารณะแบบอื่น ที่ปฏิบัติโดยพระสงฆ์ และผู้ที่ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าโดยเฉพ าะอีกด้วย

31.เมื่ออ่านหรือฟังอ่านพระคัมภีร์(8) ก็เท่ากับคริสตชนได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้าเอง ซึ่งเรียกและนำเขาให้เดินไป เมื่อเล่าเ หตุการณ์ต่างๆที่ล่วงแล้วไป เช่น ความปรวนแปรกลับกลอกของประชากรชาวยิวก็ดี หรือวาจาและการกระทำของพระเยซูคริสตเจ้าและอัครสาวกก็ดี ย่อมถือว่า พระคัมภีร์เป็นสาส์นที่มีชีวิตสำหรับคริสตชนและมนุษย์ทุกคน เพื่อจะทำให้การอ่านที่กล่าวนี้เ กิดผล เป็นธรรมดาอยู่เองที่จำเป็นต้องอ่านด้วยความตั้งใจและความสำรวมใจตามสมควร พระจิตเป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดสภาพจิตใจเช่นนี้ ทำให้สติปัญญาสว่าง เห็นแจ้งและทำให้ดวงใจเข้มแข็งด้วยวาจาของพระเป็นเจ้า

32.การรำพึงที่เรียกว่าจิตภาวนานั้น เป็นการคิดถึงข้อความจริงขั้นมูลฐานแห่งความเชื่อ และเป็นการยกใจขึ้นจนสนทนากับพร ะเป็นเจ้าได้ การรำพึงเป็นการสำรวมใจ ที่ช่วยให้คริสตชนมอบฝากชีวิตของตนไว้ในแผนการของพระเป็นเจ้า และให้ถือของใ นโลกนี้มีความสำคัญเท่าที่เหมาะที่ควรเท่านั้น การรำพึงเป็นกิจปฏิบัติที่ขอกำชับเป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า ผู้ที่ทำการรำพึงอย่างซื่อสัตย์อาจจะได้รับพระคุณจากพระจิต คือพระคุณเข้าฌาน ซึ่งทำให้มนุษย์สนิทกับพระเป็นเจ้าด้วยความชื่นชอบ