หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ความปรีชาสุขุมแบบคริสตชน : พระจิตกับความรอดของแต่ละคน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

20.พระเยซูเจ้านำความรอดมาถึงมนุษย์ ก็โดยอาศัยที่มนุษย์มีความเชื่อ ความเชื่อคือการยึดมั่นอย่าง ฝังจิตฝังใจในพระเป็นเจ้าและพระคริสตเจ้า(3) ผู้ที่มีความเชื่อ ย่อมได้รับพระจิตที่พระบิดาและพระบุตรประทานให้ พระจิต ที่สถิตอยู่ในคริสตชนนั้นทำให้คริสตชนเหมือนมีลักษณะเป็นพระเจ้าและร่วมส นิทกับพระเยซูคริสตเจ้าและพระบิดาโดยมีชีวิตร่วมกัน และจะร่วมอย่างสนิทสมบูรณ์เมื่อตายแล้ว ตามพระวจนะที่พระคริสตเจ้าตรัสว่า “ถ้าผู้ใดรักเราก็จะถือวาจาของเราและพระบิดาจะทรงรักผู้นั้น แล้วเ ราทั้งสองจะมาหาเขา และจะตั้งสำนักอยู่ภายในตัวเขา” (ยน.14.23)

การที่พระจิตสถิตอยู่ภายในตัวมนุษย์นั้น ไม่ได้ทำให้พระเป็นเจ้ากับสิ่งสร้างเป็นตัวบุคคลเช่ นเดียวกัน องค์พระจิตไม่ได้กลืนบุคลิกลักษณะของตัวมนุษย์ให้หายไป มนุษย์ยังคงเป็นสิ่งสร้างที่อ่อนแอยังรู้จักถูกล่อลวงให้ทำผิดอยู่ แต่พระจิตสามารถรักษาเขาให้หายจากความอ่อ นแอทางใจ และช่วยให้พ้นจากความเป็นทาสต่อราคตัณหาและความเห็นแก่ตัว โปรดให้มีพละกำลังและความหวัง ซึ่งเป็นผลเกิดจากการที่พระเป็นเจ้าสถิตอยู่ พระจิตส่องสว่างให้เ ขาเดินตามทางแห่งความดี และทำให้เขาเกิดความรู้สึกใน “ความรัก ความยินดี สันติสุข ความเพียร ความอารี ความใจดีความอ่อนโยนและการควบคุมตนเอง” (กท.5.22-23) เพราะเหตุนี้แหละ คริสตชนจึงวิงวอนขอพระจิตช่วย โดยถือเป็น “พระอาคันตุกะ” ของตน

อาศัยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าช่วย ความใกล้ชิดกับพระจิตนี้บางครั้งอาจเจริญถึงขั้นสนิท จนฝ่ายที่เป็นมนุษย์ดูประหนึ่งเปลี่ยนแปลง และจมอยู่ในความสว่างแห่งความรักของพระเป็นเจ้านี่เป็นจุดสุดยอดของการบำเพ็ญพรตแบบคริสตชน ซึ่งมีนักบุญหลายองค์บรร ลุถึง

21.อาศัยความสว่างของพระจิต คริสตชนอาจมองเห็นความเสื่อมโทรมและความทุกขเวทนา ซึ่งมนุษย์อาจตกไปถึงได้ ถ้าไม่ปราบธรร มชาติ ฝ่ายต่ำของตน นักบุญเปาโลระบุความชั่วต่อไปนี้ว่าเป็นความชั่วที่ “ผู้ไร้ความเมตตาและไม่มีความหวังในโลก” มักจะกระทำ คื อ การผิดประเวณี ความอุจาดลามก ความใคร่ในตัณหา การนับถือรูปปฏิมา เวทมนต์คาถา อาฆาตบาดหมาง ริษยา โทโส ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ลงรอยกัน ถือพรรคถือพวกอิจฉา เมาสุรา สนุกสนาน สำมะเลเทเมา และอะไรต่ออะไรทำนองนี้” (กท.5.19-21)

22.การที่พระเป็นเจ้าสถิตอยู่ในวิญญาณและทำให้วิญญาณเปลี่ยนแปลงไปดังนี้ เราเรียกว่า พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร หรือ พระหรรษ ทาน เฉยๆ การพูดถึงใครคนหนึ่งว่าเขาอยู่ในศีลในพรของพระ หรือมีชีวิตของพระคริสตเจ้าในตัว หรือเป็นลูกของพระ หรือมีพระหรรษ ทานของพระ ถือเป็นสำนวนพูดสี่อย่างที่มีความหมายเหมือนกัน สำหรับกล่าวถึงธรรมล้ำลึกเรื่องความรอดของพระคริสตเจ้า นักบุญเปาโลกล่าวว่า ธรรมล้ำลึกข้อนี้ปิดปังมิให้คนในสมัยก่อนเข้าใจแต่บัดนี้ได้เผยให้เห็นเป็นที่เข้าใจแล้ว “พระคริสตเจ้าอยู่ในตัวเรา เป็นความหวังที่จะได้รับสิริโรจนาการ” (คส.1.27) การที่พระเป็นเจ้าสถิตอยู่นี้ กระตุ้นคริสตชนให้ก้าวไปหาพระองค์ด้วยความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก