ความปรีชาสุขุมแบบคริสตชน :
ธรรมล้ำลึกเรื่องความรอดในพระคริสตเจ้า ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
14.ถึงแม้มนุษย์ทำผิดแต่แรกเริ่ม พระเป็นเจ้าก็ยังคงรักมนุษย์ ตามข้อไขแสดง พระเป็นเจ้าได้สัญญาแก่มนุษยชาติว่าจะประทานพระผู้ไถ่องค์หนึ่ง ดังนี้ ตั้งแต่ต้นประวัติศาสตร์ของมนุษย์เราก็
ทราบว่าพระเป็นเจ้าจะเสด็จมากอบกู้มนุษย์ จะทรงช่วยเราให้รอดและจะฟื้นฟูงานเนรมิตสร้างของพระองค์เสียใหม่ เพราะเหตุนี้ พระศาสนจักรจึงกล่าวในภาวนาบทหนึ่งว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เ
มื่อสร้างมนุษยชาติ พระองค์โปรดให้มีศักดิ์ศรีอย่างน่าพิศวง ครั้นเวลาไถ่เล่า พระองค์ก็ทรงฟื้นฟูอย่างน่าพิศวงกว่านั้นไปอีก และพระศาสนจักรกล้าเรียกความผิดแรกของมนุษย์ว่าเป็นความผิด
ที่มีบุญ เพราะได้เป็นเหตุให้เราได้พระผู้ไถ่ผู้ล้ำเลิศ คือองค์พระคริสตเจ้า
15.พระเยซูคริสตเจ้าเป็นทั้งศูนย์กลางและผู้สร้างประวัติแห่งความรอด ตามแผนการของพระเป็
นเจ้าประวัติของมนุษยชาติรวมจุดมาที่พระองค์ ทุกสิ่งจะต้องรื้อฟื้นให้กลับมีชีวิตในพระองค์ ประวัติแห่งความรอดนั้น เป็นประวัติเล่าเรื่องความรักอย่างเพียรอดทนและถือสัตย์ของพระเป็นเจ้ากับเล่าเรื่องความโลเลเหลวไหลของมนุษย์ พระคัมภีร์บรรยายให้เราเห็นพระทัยดีของพระเป็นเจ้าต่อมนุษยชาติ เมื่อกล่าวถึงการทำพระสัมพันธไมตรีหลายครั้งหลายหน ทุกครั้งที่
ทำพระสัมพันธไมตรี พระเป็นเจ้าสัญญาจะประทานความรอด และเหมือนกับผูกมัดพระองค์ว่าจะรักษาคำสัตย์ต่อมนุษยชาติทั้งมวล ครั้งแรกพระองค์ทรงสัญญากับอับราฮัม ต้นตระกูลของชนชาติยิว ต่อไปทรงสัญญากับโมเสสผู้ตั้งกฎหมา
ยและกอบกู้ชาวยิว ว่าจะให้ความปกป้องคุ้มครองเป็นพิเศษ
16.ที่สุดพระเป็นเจ้าได้เสด็จมาถึงมนุษยชาติอย่างประหลาดมหัศจรรย์ กล่าวคือ พระบุตรแห่งพระเจ้าได้รับเอาธรรมชาติมนุษย์อย่า
งแท้จริงด้วยพระองค์เอง โดยถือกำเนิดจากพระนางพรหมจารีมารีอา ตามน้ำพระทัยของพระบิดาและด้วยพระฤทธานุภาพของพระจิต ด้วยประการฉะนี้ พระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระนางมารีอา จึงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ตามที่นักบุญยวงกล่าวว่า และพระ
วจนาตถ์ได้ทรงรับเอากายและได้ประทับอยู่ท่ามกลางชาวเรา เราได้เห็นพระเกียรติมงคลของพระองค์เป็นพระเกียรติมงคลที่รับจากพระบิดาในฐานะเป็นพระเอกบุตรผู้เพียบพร้อมด้วยพระหรรษทานและความจริง (ยน.1.14)
17. การร่วมชิดสนิทระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชม และความหวังอันไม่รู้จักเหือดแห้งสำหรับมนุษยชา
ติทั้งมวลนั้นได้เป็นอันสำเร็จไปในองค์พระคริสตเจ้าในพระองค์นั้นพระเทวภาพสถิตอยู่อย่างครบบริบูรณ์ และความรักของพระเป็นเจ้
าเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่มนุษย์ทั้งหลาย ในพระองค์นั้น พระเป็นเจ้าได้มาแบ่งเอาชีวิตมนุษย์ตลอดจนความหวังและวิตกกังวลในชีวิตทุ
กอย่างเพื่อ่จะได้อยู่ในหมู่มนุษย์ เป็นมนุษย์คนใหม่ ซึ่งร่วมสนิทอย่างแท้จริงกับพระเป็นเจ้าและพี่น้องเพื่อนมนุษย์ ในพระคริสตเจ้าม
นุษย์ทุกคนสามารถพบความรอดโดยร่วมชิดสนิทกับพระองค์ด้วยความเชื่อและประพฤติถือตามแบบชีวิตและพระโอวาทของพระองค์
18.ด้วยการสิ้นพระชนม์ พระคริสตเจ้าทรงทำหน้าที่เป็นสงฆ์และผู้แทนมนุษยชาติทั้งมวล โดยอุทิศถวายชีวิตของพระ
องค์ เป็นเครื่องบูชาอันเลิศประเสริฐแด่พระเป็นเจ้า การที่พระคริสตเจ้าถวายพระองค์แด่พระบิดา โดยมีความรักและเคารพเชื่
อฟังเยี่ยงบุตรนั้น ถือเป็นการฟื้นฟูการร่วมสนิทซึ่งได้เสียไประหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ เพราะความไม่เชื่อฟังของคนๆเดียว คนห
ลายๆคนได้กลายเป็นคนบาปไปฉันใด เพราะความเชื่อฟังของคนๆเดียว คนหลายคนก็จะเป็นผู้ชอบธรรม
แต่ความผิดยิ่งทวีขึ้น พระคุณก็ยิ่งทวีมากขึ้นกว่านั้นอีก (รม.5.19-20)
19.แต่พระเยซูเจ้าได้กลับเป็นขึ้นมาจากความตาย และการกลับเป็นขึ้นมาของพระองค์นั้น ถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในทุกสมัย ความตายเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน ในฐานะเป็นหัวหน้าและผลแรกเกิดแห่งมนุษยชาติใหม่ บัดนี้พระเย
ซูนำมนุษย์ทุกคนไปถึงพระเป็นเจ้าอย่างแน่นอนและให้ความมั่นใจว่าจะได้กลับเป็นขึ้นมาแบบเดียวกับพระองค์ เพราะอัตถ์ลึกซึ้งเรื่อ
งพระเยซูเจ้ากลับเป็นขึ้นมาได้สำเร็จเสร็จสิ้นไปในธรรมล้ำลึกเรื่องพระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์ กล่าวคือพระเยซูเจ้าได้เอาพระธรรมชาติ
มนุษย์ที่ได้รับการยกย่อง เข้าไปในพระเกียรติมงคลของพระบิดา พระคริสตเจ้าเป็นผู้แทนมนุษยชาติทั้งสิ้น ต่อหน้าพระเป็นเจ้า เป็นผ
ู้เสนอวิงวอนและเป็นคนกลาง ในฐานะเป็นประมุขประชากรของพระเป็นเจ้า พระองค์เสนอความใฝ่ฝัน น้ำตา และความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดของเราแด่พระบิดา พระองค์ประทานพระจิตและพระคุณทุกชนิดแก่ประชากรของพระองค์
|