หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ความปรีชาสุขุมแบบคริสตชน :
ความยิ่งใหญ่และความน่าสมเพชของมนุษย์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

11.ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์อยู่ตรงที่มนุษย์สามารถทำให้สิ่งที่พระทรงสร้างมาสมบูรณ์ดียิ่งขึ้น และชักจูงไปหาพระเป็นเจ้าซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางและเป็นเจ้านายของทุกสิ่ง พระเป็นเจ้าโปร ดให้มนุษย์มีสติปัญญาและเจตจำนงอิสระ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงอำนาจอธิปไตยของมนุษย์ เพระถ้าจะรักพระองค์ ก็ต้องรักโดยสมัครใจเท่านั้น จึงจะเป็นที่สบพระทัยพระองค์

การที่มนุษย์มีเสรีภาพที่จะจงใจขัดสู้พระเจ้าได้ง่ายๆเท่ากับสามารถจะอ่อนน้อมต่อพระองค์นั้น ต้องนับเป็นธรรมล้ำลึกที่เข้าใจยากแต่ประสบการณ์แสดงว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ และพระคัมภีร์ก็ยืนยั นว่าเรื่องนี้ได้อุบัติเป็นไปแล้ว นับเป็นโศกนาฎกรรมสำคัญที่ทำลายความเป็นระเบียบของมนุษยชาติและประวัติศาสตร์ บิดามารดาคู่แรกของมนุษย์ ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสร้างมาเพราะรักและเพื่ อให้ไปถึงพระองค์นั้น ได้คิดกบฏต่อพระองค์เพราะความเย่อหยิ่ง และความเห็นแก่ตัวตั้งตัวเองขึ้นเป็นผู้วินิจฉัยความดีความชั่ว และผู้ทำทุกสิ่งเพื่อประโยชน์ของตน นี่แหละคือความหมายของเรื่ องที่เล่าเป็นคำเปรียบให้เข้าใจ หมายถึงความผิดของมนุษย์คู่แรก คืออาดัมและเอวา ในตอนแรกของพระคัมภีร์

12.ดังนั้นมนุษยชาติทั้งมวลจึงพากันพินาศไปตามความผิดของบิดามารดาเดิม พระคัมภีร์เล่าว่ามนุษย์คู่แรกเป็นคนดี มิใช่ในความ หมายว่าดีอย่างที่ใครๆในโลกเป็นโดยธรรมชาติเท่านั้น แต่ในความหมายว่าเขาเป็นคนศักดิ์สิทธิ์เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคุณของพระเ ป็นเจ้า กับดำรงสนิทด้วยชีวิตและมิตรภาพกับพระองค์ ความศักดิ์สิทธิ์กับการมีชีวิตร่วมสนิทกับพระเป็นเจ้านี้แหละที่ได้ถูกทำลายสู ญเสียไปเพราะความผิดแรกของบิดามารดาเดิมของเรา มนุษย์เปรียบเหมือนถูกปล้นจนสิ้นเนื้อประดาตัว และต้องกระวนกระวายทั้งภายในใจตนเองทั้งในการติดต่อกับโลกภายนอก

บาปประการแรกนั้นได้หว่านเชื้อการคิดกบฏลงในจิตใจของมนุษย์และทำให้สติความคิดขัดสู้กับเจตจำนง ความสับส นวุ่นวายในโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความตาย ต้องนับเป็นผลที่เกิดขึ้นเพราะบาปนี้ อัครธรรมทูตเปาโลยืนยันว่า “เพราะความผิดของมนุษย์คนเดียว บาปได้เข้ามาในโลก และเพราะบาปนั้น ความตายก็ได้เข้ามาในโลก” (ร ม.5.12) เพราะเหตุนี้ซาตาน คือเทวดาที่ได้กบฏต่อพระเป็นเจ้า(2) และได้เป็นผู้ชักนำให้บิดามารดาเดิมของเราถูกทดลองใจนั้น จึงได้กลายเป็นตามที่พระเยซูเจ้าเรียกว่า “เจ้าแห่งโลกนี้”

13.ที่กล่าวมานี้มิได้หมายความว่า มนุษย์และโลกได้กลายเป็นสิ่งชั่วช้าจนถึงแก่น แต่ยังคงเป็นสิ่งสร้างของพระเป็นเจ้าจึงยังมีพื้นฐ านที่ดีอยู่ พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์ได้ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และได้เรียกชนทุกชาติบนแผ่นดินให้มาถึงความรอด” (ปชญ1.14) แม้เมื่อทำผิดครั้งแรกแล้ว มนุษย์ก็ยังสามารถประกอบความดีได้ และเป็นอิสระที่จะยอมหรือไม่ยอมให้ธรรมชิตฝ่ายต่ำชักพาไป โด ยที่บางครั้งต้องขืนตัวอย่างยากลำบาก เขายังมีความคิดถึง ยังต้องการพระเป็นเจ้าและต้องการชีวิตที่ไม่รู้จักตาย ซึ่งบางครั้งก็เป็นเ ช่นนั้นโดยเขาไม่รู้สึกตัว นี่แหละคือ มูลเหตุที่ทำให้ชนทุกชาติทำการค้นหาเกี่ยวกับศาสนาและทำให้จิตใจของมนุษย์มีความกระวนกระวายอย่างสุดประมาณ เพราะจิตใจนั้นจะไม่รู้จักอิ่มตราบเท่าที่ยังไม่นิ่งสงบในพระเป็นเจ้า