หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ความปรีชาสุขุมแบบคริสตชน : ธรรมล้ำลึกของการสร้างสรรค์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

9.พระเป็นเจ้าทรงเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง อย่างไรก็ดีสิ่งสร้างนั้นมีเป็นชั้นๆ ซึ่งสูงขึ้นเป็นลำดับ คือจากวัตถุเบื้องต้นผ่านสิ่งที่เป็นอินทรีย์และมีชีวิต จนถึงขั้นที่มีชีวิตฝ่ายจิตเรียกว่ามนุษย์และบนชั้นสุดยอด ก็มีที่เป็นจิตล้วน เรียกว่า เทวดา ไม่ว่าสิ่งใดที่ดำรงอยู่ ก็เป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าสร้างมา พระเป็นเจ้าทรงเนรมิตสิ่งต่างๆมา ก็เพื่อให้มีส่วนในความดีพร้อมและในความรักของพระองค์ ในพระคัมภีร์ตั้งแต่หน้าแรกๆ กล่าวถึงกำเนิดของจักรวาล และมนุษย์ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างแต่ผู้เดียว เป็นอุปมาโวหารธรรมดาๆแต่ลึกซึ้งมาก

การที่พระเป็นเจ้าให้กำเนิดแก่สิ่งต่างๆโดยให้เกิดขึ้นจากความดีพร้อมของพระองค์นั้น เราเรียกว่า เนรมิต พระคัมภีร์อธิบายอานุภาพอันมหัศจรรย์นี้โดยกล่าวว่า พระเป็นเจ้าทรงเ นรมิตด้วยพระวาจาของพระองค์ พระคัมภีร์ยังกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทอดพระเนตรดูสิ่งต่างๆที่พระองค์ได้เนรมิตก็ทรงเห็นว่าดีๆทั้งนั้น” (ปฐก.1.31) หมายความว่าทุกสิ่งที่พระเป็นเจ้าสร้างนั้น ล้ วนเป็นสิ่งดีอยู่ในตัวของมันเอง ข้อไขแสดงของพระเป็นเจ้าไม่บอกว่าจักรวาลและมนุษยชาติ ได้เจริญขึ้นด้วยวิธีใดและไม่บอกว่าทฤษฎีเรื่องวิวัฒนาการซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยนี้มองเห็นรางๆนั้น มีคุ ณค่าหรือไม่ อย่างไรก็ดี ทฤษฎีที่กล่าวนี้สอดคล้องกับทัศนะของพระคัมภีร์ ซึ่งถือว่ามนุษย์มาเป็นลำดับสุดท้ายในบรรดาสิ่งต่างๆที่พระเป็นเจ้าสร้างมาในโลก

10.พระเป็นเจ้าทรงประเสริฐกว่าโลกและมนุษย์อย่างสุดที่จะประมาณได้ เป็นผู้แตกต่างกับโลกและมนุษย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็มิใช่ว่าจะสนใจไยดีต่อมนุษย์ตรงกันข้ามพระองค์อยู่กับสิ่งสร้างทั้งหลาย ทรงบำรุงรักษาให้ดำรงอยู่แ ละคอยนำทางไป สนิทใกล้ชิดกับมนุษย์ ยิ่งกว่ามนุษย์ใกล้ชิดกับมนุษย์เองเสียอีก สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงสร้างมาทั้งหมด โดยเฉพาะ อย่างยิ่งมนุษย์เป็นดังกระจกสะท้อนให้เห็นพระปรีชาญาณ และความยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ตามที่กล่าวในหนังสือเพลงสดุดีว่า

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระนามของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่ทั่วแผ่นดิน
ข้าพเจ้ามองดูท้องฟ้าซึ่งเป็นงานฝีพระหัตถ์ของพระองค์
พระจันทร์และดวงดาวที่พระองค์จุดไว้
มนุษย์เป็นอะไรหนอ พระองค์จึงต้องคิดถึง
และลูกของมนุษย์เป็นอะไรเล่า พระองค์จึงต้องเอาพระทัยใส่?
พระองค์ทรงสร้างมนุษย์มาให้ใหญ่เกือบเท่าพระเจ้าองค์หนึ่ง
เต็มไปด้วยเกียรติยศและความรุ่งโรจน์
พระองค์ทรงตั้งให้เขาปกครองงานที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์
มอบวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของเขา” (สดด.8.2,4-7)