ประวัติคริสตศาสนา : สานุศิษย์ของพระเยซูเจ้า
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
12.แม้พระเยซูเจ้าดำรงพระชนม์ อย่างสนิทใกล้ชิดกับพระบิดาด้วยการภาวนาและสำ
นึกองค์อยู่ตลอดเวลา แต่พระองค์ก็ได้สำแดงให้เห็นอยู่เสมอว่า ทรงพระทัยใคร่จะผูกผันร่วมอยู่กับมนุษย์ทั้งหลายอย่างแท้จริง พระองค์ทรงพระทัยอารีต่อทุกคนไม่ว่าชายหรื
อหญิง ไม่ว่าสาธุชนหรือคนบาปหยาบช้า ไม่ว่าคนมั่งมีหรือคนยากไร้ ไม่ว่าชาวยิวด้วยกันหรือคนต่างชาติ พระองค์แสดงความรักเมตตาเป็นพิเศษต่อผู้ต่ำต้อย และต่อผู้ที่ทน
ทุกข์ทรมานหรือท้อถอยสิ้นหวัง พระองค์แสดงความเคารพยกย่องมนุษย์ทุกคน อย่างไม่มีใครเคยแสดงเช่นนั้นมาก่อนเลย ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ รู้สึกตนว่าเป็นผู้มีอิสรภาพอย่างแท้จริง
13.พระองค์เสด็จไปที่ใด ประชาชนมักรวมกลุ่มติดตามพระองค์ไป แต่พระองค์ทรงห
ลีกเลี่ยงทุกครั้งที่มีผู้คิดจะยกพระองค์ขึ้นเป็นวีรบุรุษของประชาชน และตั้งแต่เริ่มดำรงพระชนม์ชีพอย่างเปิดเผย พระองค์ทรงเลือกศิษย์หมู่หนึ่งสำหรับร่วมทำงานอย่างใกล้ชิ
ดกับพระองค์ ตามที่เล่าในพระวรสาร เมื่อภาวนาถึงพระบิดาก่อนแล้ว พระองค์ได้ทรงเรียกคนที่คัดเลือก 12 คน ให้ตามพระองค์ไป แล้วทรงมอบศิษย์กลุ่มนั้นซึ่งจะต้องอยู่เคียงข้างพระองค์ และต่อไปจะต้องไปประกาศเทศนาคำสั่งสอนของพระองค์
เพราะเหตุนี้แหละ พระองค์จึงเรียกศิษย์สิบสองคนนี้ว่า อัครธรรมทูต (Apostles) ซึ่งแปลว่า ผู้ถูกใช้ไปประกาศธรรม พระองค์ได้โปรดให้พวกอัครธรรมทูตมีส่วนร่วมในการสอน ภารกิจ และแม้กระทั่งอำนาจของพระองค์เป็นพ
ิเศษ และขณะที่ยังดำรงพระชนม์อยู่ได้ทรงใช้ให้ประกาศเทศนาตามหมู่บ้านและเมืองเล็กๆในประเทศปาเลสไตน์ ในหมู่อัครธรรมทูต พระองค์ทรงเลือกเปโตร และทรงมอบหมายให้ท่านเอาใจใส่ดูแล กับแนะนำบรรดาผู้ที่จะเชื่อถึ
งพระองค์โดยตรัสว่า ท่านจงบำรุงพี่น้องของท่านให้มั่นคง (ลก.22.32)
14.พระเยซูเจ้าได้ทรงสัญญาแก่เปโตรและอัครธรรมทูตอื่นๆว่า พระจิตจะปกป้องคุ้มครองเขาเป็นพิเศษโดยส่องสว่างและนำเข
าไปในทางแห่งความจริง ให้เขาถ่ายทอดคำสั่งสอนของพระองค์ต่อไปถึงนานาชาติได้อย่างถูกต้อง พระองค์ทรงมอบหมายให้เขาปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับความรอดในโลกนี้ อันเป็นงานที่พระองค์ได้ทรงเริ่มขึ้นแล้ว และยังโปรดให้เขามีอำนาจในนามของพระองค์ที่
จะประกอบพิธีศีลล้างบาป ศีลอภัยบาป กับพิธีเกี่ยวกับรหัสธรรมแห่งความรอด คือ ศีลมหาสนิท(2)
พิธีศีลมหาสนิทต้องประกอบตามแบบการเลี้ยงอาหารครั้งสุดท้าย ซึ่งพระองค์ทรงจัดทำกับบรรดาสานุศิษย์วันก่อนที่จะสิ้น
พระชนม์คือ ในระหว่างการเลี้ยงอาหารมื้อนี้กับอัครสาวกสิบสองคน พระองค์ทรงหยิบปังกับถ้วยเหล้าองุ่น แล้วตรัสว่า นี่เป็นกายข
องเราที่ถูกมอบเพื่อพวกท่าน
ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ซึ่งจะหลั่งเพื่อพวกท่าน
พวกท่านจงทำดังนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเราเถิด (ลก.22.19-20)
15.เมื่อเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพแล้วก่อนจะจากโลกนี้ไป พระเยซูเจ้าทรงสัญญาย้ำกับพวกอัครสาวกว่าจะใช้พระจิตมาถึงเขา และทรงกำชับอีกครั้งหนึ่งให้ปฏิบัติภารกิจของพระองค์ต่อไปในโลก พระองค์ตรัสว่า เราได้รับมอบอาชญาสิทธิ์ทั้งห
มดในสวรรค์และบนแผ่นดิน ฉะนั้น ท่านจงไปสอนนานาชาติให้เป็นศิษย์ ล้างบาปเขาเดชะพระนามพระบิดาและพระบุตรและพระจิต สอนเขาให้ถือทุกอย่างตามที่เราได้สั่งท่าน เราจะอยู่กับพวกท่านตลอดไปจนสิ้นพิภพ (มธ28.18-20) เพื่อเป็นเครื่องหมายแส
ดงให้เห็นอำนาจของเขาต่อหน้ามนุษย์ พระองค์โปรดให้เขามีอำนาจที่จะทำอัศจรรย์ในนามของพระเป็นเจ้า และอำนาจนั้น เขาก็ได้ใช้จริงๆด้วย
16.พวกอัครสาวกได้เริ่มงานของเขาในทันทีที่ได้รับพระจิตแล้ว คือ ห้าสิบวันหลังจากพระเยซูเจ้ากลับคืนชีพ และไม่กี่วันหลังจาก
พระองค์เสด็จขึ้นสรรค์ วันที่พวกอัครสาวกได้รับพระจิตนั้น เป็นวันฉลองของยิวที่เรียกว่าวันที่ห้าสิบ (Pentecost) ทันที เปโตร พ
วกอัครสาวกกับผู้ร่วมงานหมู่แรกได้เริ่มเทศนาในที่เปิดเผยและประกาศ ข่าวดี อย่างกล้าหาญ คือข่าวดีแห่งความรอด ซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าทรงนำจากพระเป็นเจ้ามาแจ้งแก่เราทั้งหลาย
เปโตรประกาศว่า ท่านต้องรู้เรื่องนี้ไว้อย่างแน่วแน่ คือพระเป็นเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูที่พวกท่านได้เอาไปตรึงกางเขนเสียนี้แหละใ
ห้เป็นพระสวามีเจ้าและพระคริสตเจ้า (กจ.2.36) อัครธรรมทูตเปาโลเขียนว่า ดังนั้น เราจึงเป็นทูตสำหรับพระคริสตเจ้าประหนึ่ง
ว่า พระเป็นเจ้าทรงใช้เรามาอ้อนวอนท่าน เราอ้อนวอนท่านในนามพระคริสตเจ้าว่า จงคืนดีกับพระเป็นเจ้าเสียเถิด (2คร.5.20)
อัครสาวกยอห์นก็เขียนไว้เหมือนกันว่า สิ่งที่เราได้ฟัง สิ่งที่เราได้เห็นด้วยตาของเรา สิ่งที่เราได้เพ่งมองและแตะต้องด้วยมือของเ
ราเองนั้น
เราขอประกาศแก่ท่านด้วย เพื่อท่านจะได้มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์กับเรา และความสัมพันธ์ของเรานั้นเป็นความสนิท
สัมพันธ์กับพระบิดาและพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า และเราเขียนเรื่องนี้ เพื่อความชื่นชมยินดีของพวกท่านจะได้เต็มเปี่ยม (1ยน.1.1-4)
17.ผู้ที่เชื่อคำกล่าวยืนยันของพวกอัครธรรมทูต ได้รับศีลล้างบาปและได้ประกอบกันเป็นชนกลุ่มแรกแห่ง พระศาส
นจักร ของพระเป็นเจ้า เรื่องราวในประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดว่าพระศาสนจักรในสมัยแรกได้เริ่มรวบรวมคนมาจากทวีปเอเชีย แอฟริกาและยุโรป เอกสารฉบับหนึ่งซึ่งเขียนในสมัยนั้น ให้คำบรรยายถึงคริสชนหมู่แรกว่าดังนี้ เ
ขาแสดงตนเป็นผู้หมั่นเพียรมาฟังคำสั่งสอนของพวกอัครสาวก เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาร่วมในพิธีบิปัง (ศีลมหาสนิท) (3)และสวดภาวนา
เขาร่วมรับประทานอาหารด้วยน้ำใจกว้างขวางและชื่นชมยินดีพลางสรรเสริญพระเป็นเจ้าและได้รับความนิยมนับถือของ
บุคคลทั่วไป และพระสวามีเจ้าโปรดให้ผู้ที่อยู่ในหนทางแห่งความรอดมาเพิ่มเข้าในจำนวนของเขามากยิ่งขึ้นทุกวัน (กจ.2.42,46-47)
|