ในพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา 12:23-30 พระอาจาย์ได้ทรงเตือนพวกฟาริสีว่า กา
รที่พวกเขาเป็นลูกหลานของอับราฮัมและเป็นประชากรที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรร ซึ่งพวกเขาภาคภูมิใจเสมอนั้น ไม่หมายความว่าพวกเขาจะได้เข้าอาณาจักรสวรรค์โดยอัตโนมัติ พร
ะเป็นเจ้าได้ทรงเลือกสรรอับราฮัมบิดาของประชากรของพระองค์ก็เพื่อให้เขาและลูกหลานเป็นกระบอกเสียงของพระเป็นเจ้า เขาจะต้องสัตย์ซื่อต่อพระองค์ก่อนแล้วจึงจะนำให้คนต่างชา
ติเข้ามาหาพระผู้กอบกู้ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงสัญญาไว้หลังจากที่บิดามารดาเดิมได้ตกในบาป บรรดาประกาศกเรียกพระผู้ไถ่ว่าพระเมสสิยาห์ หมายถึงผู้ทีถูกเจิม ซึ่งเป็นทั้งกษัตริย์ พ
ระสงฆ์ และประกาศกของพระเป็นเจ้า แต่น่าเสียดายที่พวกฟาริสีมักจะคิดถึงอภิสิทธิ์ของเขาเสมอ แต่ไม่ค่อยจะสนใจต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเป็นเจ้าเลย และในที่สุดแม้ว่
าพระคริสตเจ้าได้เสด็จมาท่ามกลางพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับรู้พระองค์ ทั้งนี้ก็เพราะว่า พวกเขารอคอยพระผู้กอบกู้ทางด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจมากกว่าทางด้
านศาสนา ยิ่งกว่านั้นอีกพวกเขาได้มีส่วนร่วมในการประหารผู้กอบกู้ของพวกเขาเอง พระองค์จึงทรงเตือนพวกเขาให้สนใจทางด้านศาสนามากกว่าด้านทางโลก
มีชายคนหนึ่งได้ปลูกต้นมะเดื่อในสวนองุ่น มะเดื่อและองุ่นเป็นต้นไม้ที่มีคนปลูกกันมากในประเทศปาเลสไตน์และให้ผลดีพอส
มควร ที่เขาปลูกมะเดื่อไว้ในสวนองุ่นมิใช่หวังผลอย่างเดียว แต่ว่าเพื่อให้กิ่งก้านและเถาองุ่นมีที่ยึดด้วย ทั้งองุ่นและมะเดื่อต้
องการใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกันเขาได้มาหาผลมะเดื่อ แต่ไม่ได้พบเลย เจ้าของสวนได้ทำทุกอย่างเพื่อให้มะเดื่อออกผล แต่
ก็ไร้ผล เขาจึงได้พูดถึงคนดูแลสวนองุ่นว่า ตลอด 3 ปี เขาไม่ได้เห็นผลเลย เจ้าของสวนได้อดทนและรอมาตั้ง 3 ปี แล้ว ตา
มปกติถ้าหากว่าต้นไม้ไม่มีผล 2 ปี ติดต่อกัน ชาวสวนก็จะโค่นลงแล้ว แต่ที่เขาได้เพียรทนถึง 3 ปี แต่ก็ยังไม่เห็นผลอีก
ปล่อยให้รกที่อยู่ทำไม เขาคิดว่าไม่ควรจะเก็บต้นมะเดื่อไว้อีกต่อไป เขาคิดจะปลูกใหม่ และคงจะได้ผลมากกว่า นายครับ โ
ปรดปล่อยไว้อีกปีเถิด จนกว่าผมจะพรวนดินและใส่ปุ๋ยให้มันเขาขอเวลาให้ต้นมะเดื่อ เขาจะเอาในใส่เป็นพิเศษ มันคงจะเกิดผล บางทีมะเดื่อจะผลิดอกออกผลแล้วก็จะไม่ต้องถูกโค่น
ถ้าไม่เกิดผล นายก็ตัดมันทิ้งเถิด ถ้าหากปล่อยให้โอกาสสุดท้ายแล้วยังไม่เกิดผล มันก็จะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอนคำสอน
พระเยซูคริสตเจ้าทรงเล่านิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้สำหรับพวกฟาริสี และพวกเขาก็เข้าใจด้วย ประกาศกอิสยาห์ได้เปรียบเทียบอิสราเอลประชากรของพระเป็นเจ้ากับสวนองุ่นที่มีทั้งต้นมะเดื่อและองุ่นด้วย (อสย 5:1-17)
พระเป็นเจ้าได้ทรงแสดงพระทัยเมตตาต่อพวกเขาหลายครั้งหลายหนในอดีต ที่จริงพระองค์น่าขจัดพวกเขาให้พ้
นพระพักตร์ เพราะพวกเขายังคงใช้พระมตตาของพระองค์ในทางที่ผิด พวกเขาไม่ได้กลับใจอย่างแท้จริง นักบุ
ญยอห์น บัปติสต์ ได้เตือนพวกเขาให้เลิกอวดคุยถึงอับราฮัมเสียที และลงมือทำกิจใช้โทษบาป ท่านนักบุญได้ใช้คำเปรียบเที
ยบเช่นเดียวกัน ขวานจดจ่ออยู่ที่รากต้นไม้แล้ว เพราะฉะนั้น ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีก็จะต้องถูกตัดโยนทิ้งไปในกองไฟ (ลก 3:9)
แต่พวกเขาก็ไม่สนใจต่อคำเทศน์ตักเตือนของยอห์นและไม่ได้กลับใจ พระเยซูคริสตเจ้าจึงได้ทรงเตือนพวกเขาอีกในนิทานเป
รียบเทียบเรื่องนี้ว่า ถ้าหากเขาขืนดื้อรั้นต่อไป และยังไม่มีผลทางด้านวิญญาณแล้ว พระเป็นเจ้าก็จะหมดความเพียรกับพวกเ
ขา แต่พระองค์เองก็เหมือนกับคนทำสวนองุ่นได้วิงวอนประวิงเวลาเพื่อเขา เพื่อเขาจะได้ใช้โอกาสครั้งสุดท้ายนี้ซึ่งมีเวลาอีกเ
พียงปีเดียวที่พวกเขาจะต้องผลิดอกออกผลทางด้านวิญญาณ กล่าวคือ การกลับใจขอสมาโทษจากพระเป็นเจ้าและคืนดีกับพระองค์ เขาได้ใช้โอกาสสุดท้ายที่พระเมตตาของพระเป็นเจ้าได้ประทานให้พวกเขาอย่างไร
นิทานเปรียบเทียบไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพราะว่าตอนที่พระเยซูคริสตเจ้าตรัสเล่านิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้ เราไม่ทราบว่าเรื่อง
จะลงเอยอย่างไร ขึ้นอยู่กับการตัดสินของพวกฟาริสี แต่ว่าจากประวัติศาสตร์ เราก็ทราบได้ว่ามีฟาริสีบางคนได้กลับใจหันมาห
าพระเยซูคริสตเจ้าหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับคืนพระชนมชีพ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นปฏิปักษ์กับพระองค์อยู่ พวกเขาก็เป็นเหมือนคล้าย ๆ กับ กาอิน ยังคงหนีและเร่ร่อนอยู่ในโลก (ปฐก 4:12)
ในนิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้เราเห็นว่ามีคำสอนหลาย ๆ ข้อ ที่มีประโยชน์ต่อเรา สำหรับคนบาปที่ดื้อรั้นไม่ยอมกลับใจ นิทานเปรียบเทียบก็เตือนเขาว่า แม้ว่าพระเมตตาของพระเป็นเจ้าจะไม่มีขอบเขต ไม่มีที่สิ้นสุดก็ตาม แต่ว่าชีวิตของคนบ
าปในโลกนี้จะมีวันที่จะจบสิ้น เพราะฉะนั้น เวลาที่เขาจะกลับใจนั้นมีจำกัดด้วย ถ้าหากเขายังคงต่อสู้กับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าในการเรียกให้เขากลับใจมาหาพระองค์อีกต่อไป เขาอาจจะตายโดยที่ไม่ได้รับพระเมตต
าจากพระได้ เขาก็จะเหมือนกับเศรษฐีในนิทานเปรียบเทียบ ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าโง่เขบาเบาปัญญาก็สายไปเสียแล้ว
เป็นความจริงที่ว่า พระเป็นเจ้าทรงพระเมตตาต่อคนบาป และพระองค์ก็ส่งผู้แทนของพระองค์มาเทศน์เตือนเสมอ และไม่
มีใครเลยที่จะต้องโทษและสูญเสียความสุขทั้งชั่วนิรันดรโดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง ที่เขาจะต้องโทษเพราะว่าเขาไม่อยากกลับใจขอสมาโทษจากพระเป็นเจ้า
การตักเตือนของพระเป็นเจ้าอาจจะเป็นมาโดยหลายวิธีด้วยกันตามกาละเทศะ วิบากกรรมแก่คนบาปถ้าหากเข
ายังไม่สนใจต่อพระสุรเสียงของพระองค์ เหมือนกับต้นไม้ในนิทานเปรียบเทียบ บางทีขณะนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว
สำหรับเราก็เป็นได้ บาปของเราอาจจะมากมายก่ายกอง จนเพียงพอที่พระเป็นเจ้าจะจัดการกับเราได้แล้ว และชีวิตของเรา
ก็ใกล้ฝั่งแล้วใครจะไปรู้ ถึงกระนั้นพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดียังเปิดโอกาสให้เราคืนดีกับพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย เรามีอิสระ
ที่จะรับหรือปฏิเสธคำเชื้อเชิญของพระองค์ พระเป็นเจ้าไม่ทรงพระประสงค์ที่จะบังคับน้ำใจของมนุษย์ และเราก็ทราบด้วยว่า ชีวิตนิรันดรสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินของเรา
คำสอนที่สำคัญอีกข้อหนึ่งจากนิทานเปรียบเทียบ ซึ่งผู้ติดตามพระเยซูคริสตเจ้าจะต้องจดจำไว้ก็คือ เขามีหน้าที่ไม่ใช่แต่เพียง
พร้อมที่จะอภัยโทษให้แก่ศตรูหรือคนบาปเท่านั้น แต่ว่าเขาจะต้องภาวนาขอพระเป็นเจ้าได้ทรงอภัยบาปให้แก่คนบาปด้วย พร
ะอาจารย์เจ้าของเรา ซึ่งเปรียบเหมือนกับคนทำสวนองุ่น ได้ขอเวลาสำหรับมะเดื่อที่ไร้ผลและน่าจะต้องถูกโค่นต้นนั้น ซึ่งเปรี
ยบเหมือนกับพวกฟาริสี พวกฟาริสีนี้เป็นศัตรูที่ร้ายกาจ ตั้งใจที่จะกำจัดพระองค์และอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ถึงกระนั้น
ก็ดี พระองค์ก็ได้ทรงวอนขอพระบิดาเจ้าเพื่อให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แม้พระองค์จะทรงทราบล่วงหน้าว่า ความจองหอง
ที่ดื้อรั้นของเขาจะทำให้พวกเขาต้องกระทำความผิดที่สาหัสที่สุดโดยการตรึงพระองค์เองบนไม้กางเขน ถึงกระนั้นก็ดี พระอง
ค์ก็ยังทรงตักเตือนเขาและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้กลับใจ นี่แหละเป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงพระประสงค์ให้สานุศิษย์ของพระองค์ซึ่งเป็นคริสตชนทุกคนปฏิบัติตามเราทุกคนยอมรับจากประสบการณ์ว่า การเอาแบบฉบับของพระเยซู
คริสตเจ้าในเรื่องนี้ไม่ใช่ของง่ายเลย และเราก็ทราบว่ามีน้อยคนเหลือเกินที่พยายามปฏิบัติตามที่พระอาจารย์เจ้าได้ปฏิบัติมาแ
ล้ว มิฉะนั้น ประชาชาติและเพื่อนมนุษย์ของเราคงจะไม่มีการแบ่งแยกและขัดแย้งกันถึงขนาดนี้ ความรักประสาพี่น้องไม่ใช่แ
ต่เย็นชาลงเท่านั้น แต่สำหรับหลาย ๆ คนไม่เคยมีด้วยซ้ำไป กฎตาต่อตาและฟันต่อฟัน ยังคงมีอิทธิพลเหนือกฎแห่งความรักแ
ม้ในขณะนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้าเศร้าจริง ๆ ตราบใดที่สังคมยังไม่ยอมรับพระเป็นเจ้า เราจะไม่มีโอกาสพบความรักฉันท์พี่น้องอ
ย่างแท้จริง ทั้งนี้ก็เพราะว่า การอภัยความผิดให้แก่ศัตรู และการวอนขออภัยโทษจากพระเป็นเจ้าเพื่อความผิดของศัตรู ไม่ใ
ช่เป็นเพียงกิจการของมนุษย์เท่านั้น แต่เป็นงานของพระหรรษทานด้วย และของความเชื่อเหนือธรรมชาติต่อชีวิตนิรันดรชนใ
นสมัยนี้จำนวนมากมายจึงไม่เคยที่จะภาวนาให้ศัตรู และร้ายกว่านั้นอีกหลายคนไม่ยอมแม้แต่อภัยความผิดให้แก่ศัตรู แถมยัง
หาทางแก้แค้นศัตรูอีกด้วย สาเหตุก็คือว่า สำหรับหลาย ๆ คน เขาเป็นเพียงคริสตชนแต่ชื่อเท่านั้น เขาไม่ได้บำเพ็ญตนเป็นค
ริสตชนที่ดี การที่เราจะรับความจริงหรือข้อความเชื่อทางศาสนาทางด้านทฤษฎีนั้นไม่เป็นการเพียงพอเลย ที่จะทำให้เราเป็น
ศิษย์ของพระคริสตเจ้า เราจะเป็นคริสตชนที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อเราดำรงชีพตามความเชื่อของเรา และในการดำรงชีพนั่นแหล
ะ หลาย ๆ ครั้ง เราก็เห็นว่าเรามีความอ่อนแอ มีความเห็นแก่ตัว เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงความอ่อนแอ และความผิดพลาดของพี่น้องของเรา และพร้อมที่จะอภัยโทษให้แก่เขา
การที่เรามีประสบการณ์ในชีวิตว่า พระเป็นเจ้าทรงมีพระทัยเมตตาปราณีเป็นพิเศษต่อเรา ก็ทำให้เราตระหนัก
ดีว่า เราจำจะต้องแสดงเมตตาจิตต่อพี่น้อมร่วมโลกของเราด้วย ให้เราพยายามที่จะเป็นผู้ที่มีใจเมตตากรุณาเหมือนกับพระบิดาเจ้าสวรรค์ ผู้ทรงพระทัยเมตตากรุณาเพื่อจะเป็นเช่นนั้นได้ เราต้องการพระหรรษทานหรือความช่ว
ยเหลือจากพระเป็นเจ้าซึ่งเราจะได้รับจากการดำรงชีพเป็นคริสตชนที่ดี โดยพยายามคิดถึงถิ่นฐานที่แท้จริงของเรา กล่าวคือ
เมืองสวรรค์ และมนุษย์ทุกคนต่างก็เป็นบุตรของพระเป็นเจ้า และเป็นพี่น้องของเรา และพวกเขาก็กำลังเดินทางไปสวรรค์ด้ว
ย เราจำจะต้องช่วยพวกเขาด้วย เราทุกคนยอมรับว่าเราอ่อนแอเราพลาดพลั้ง หลาย ๆ ต่อหลายครั้งในการเดินทางไปสวรร
ค์และเราต้องการความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้าด้วยกันทุกคน พระองค์จะช่วยเรามากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับความใจกว้างขอ
งเราต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ท่านตวงให้เขาอย่างไร เขาก็จะตวงให้ท่านอย่างนั้น (มก 4:24) พระองค์จะประทานรางวัลเป็นพ
ิเศษสำหรับผู้ที่แสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ พระองค์จะประทานรางวับเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีใจกว้างขวางไม่เห็นแก่ตัว พร้อ
มที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ศัตรู นี่แหละ คือความรักต่อพระเป็นเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง และเพราะเหตุนี้แหละ
พระองค์จึงได้ทรงกระทำต่อพวกฟาริสีศัตรูที่ร้ายกาจของพระองค์ และได้ทรงภาวนาให้แก่พวกเพชฌฆาตของพระองค์
|