เพื่อจะได้สอนเราว่า เราจำเป็นจะต้องภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน พระเยซูคริสตเจ้าจึงไ
ด้ทรงเล่านิทานเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่ง มีผู้พิพากษาคนหนึ่ง ในเมืองหรือตามหมู่บ้านใหญ่ ๆ ในประเทศปาเลสไตน์ รัฐบาลจะแต่งตั้งผู้พิพากษาผู้หนึ่งสำหรับตัดสินความต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ
ผู้ซึ่งไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้าและมนุษย์ เขาเป็นคนที่ต่ำช้าและไม่สมกับตำแหน่งหน้าที่อันมีเกียรติของเขาจริง ๆ เขาไม่ได้ยำเกรงพระเป็นเจ้า กล่าวคือ เขาไม่ยอมรับรู้พร
ะองค์ และพระบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนที่ไม่ปฏิบัติศาสนา พระบัญญัติ 10 ประการ ของพระเป็นเจ้า ไม่มีความหมายอะไร เขาไม่ให้ความเคารพนับถือต่อเพื่อนบ้
าน ประมาทความคิดเห็นของผู้อื่น ผู้พิพากษาเลว ๆ ชนิดนี้อาจมีขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย ยิ่งกว่านั้นบางคนยังรับศีลบนในการตัดสินความด้วย ประกาศกอิสยาห์ได้เคยต่อต้านผู้
พิพากษาที่อยุติธรรมมาแล้ว ผู้พิพากษาที่ตัดสินให้คนชั่วได้ชนะความ เพราะเขาได้รับของขวัญหรือบำเหน็จรางวัลจากผู้ผิดแล
ะไม่ให้ความเป็นธรรมแก่คนซื่อสัตย์สุจริต (อสย 5:23) และในอิสยาห์บทที่ 1:23 ท่านประกาศกก็ได้พูดไว้ว่า พวกเจ้านาย ขาด
ความเชื่อถือในพระเป็นเจ้า เป็นเพื่อนของมหาโจร ชอบรับศีลบนและฝักใฝ่แต่รางวัล ไม่ได้ตัดสินความช่วยเหลือผู้กำพร้าและหญิงหม้ายตามความยุติธรรม เพราะฉะนั้น นิทานเปรียบเทียบของพระองค์จึงเข้าใจง่ายสำหรับผู้ฟัง
มีหญิงหม้ายคนหนึ่งในเมืองนั้น คำว่า หญิงหม้าย ในประเทศปาเลสไตน์ก็ทำให้เราเข้าใจได้ทันทีว่า เป็นผู้ที่ช่วยตัวเองไม่ได้
ขาดผู้อุปถัมภ์ ผู้คุ้มครอง และจะต้องรับภาระของสามีเราพบว่าพระเป็นเจ้าทรงตักเตือนชาวอิสราเอลให้เอาในใส่ต่อหญิงหม้า
ยและเด็กกำพร้าและคนพลัดถิ่นเป็นพิเศษ (อพย 22:22, ฉธบ 14:29, 16:11, 24:17, อสย 1:23, โยบ 22:9) ที่พระองค์ต้องเ
ตือนคนทั้งสามจำพวกนี้เสมอ หญิงหม้ายในนิทานเปรียบเทียบคงจะได้รับความอยุติธรรมจากเพื่อนบ้านหรือจากญาติพี่น้อง อา
จจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมรดกที่สามีของนางได้ทำพินัยกรรมมอบให้ แต่ว่ามีญาติทางฝ่ายสามีแย่งชิงเอาไปก็ได้ หรืออาจจะเป็นเรื่องอื่น ๆ ก็ได้ เราไม่ทราบแน่
นางได้มาหาเขา นางคงจะได้ขอความเห็นใจ และพูดตกลงกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว แต่ไม่ได้ผลอะไร นางก็จำเป็นจะต้องมาร้องเรียนศาลเพื่อให้ผู้พิพากษาตัดสินตามความยุติธรรม
โปรดตัดสินคู่ความของดิฉันตามความยุติธรรม เขาขอร้องให้ผู้พิพากษาทำตามความยุติธรรมและให้ลงโทษผู้ผิด เขาก็ต้องการทรัพย์สมบัติของเขากลับคืนตามความยุติธรรมมากกว่าส่วนเรื่องการลงโทษนั้นเป็นหน้าที่ของศาล
โปรดตัดสินคู่ความของดิฉันตามความยุติธรรม เขาขอร้องให้ผู้พิพากษาทำตามความยุติธรรมและให้ลงโทษผู้ผิด เขาก็ต้องการทรัพย์สมบัติของเขากลับคืนตามความยุติธรรมมากกว่า ส่วนเรื่องการลงโทษนั้นเป็นหน้าที่ของศาล
ผู้พิพากษาไม่ได้ทำตามที่นางขอร้องเป็นเวลานาน เนื่องจากเขาเป็นคนที่ขาดความเมตตาจิตและไม่สนใจต่อความเดือดร้อนขอ
งเพื่อนมนุษย์ เขาก็ไม่ได้พิจารณาคดีของหญิงหม้าย แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ได้เพียรกลับมาหาผู้พิพากษาอธรรมผู้นี้ได้ และที่สุดเธอก็เห็นผลจริง ๆ
หลังจากนั้นผู้พิพากษาก็รำพึงในใจ ความพากเพียรของหญิงหม้ายได้ชนะจิตใจของเขา และเขาก็ยอมรับเช่นนั้นจริง ๆ
แม้ว่าฉันจะไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้าและมนุษย์ เขายอมรับว่าเขาไม่ยำเกตงพระเป็นเจ้าและประมาทเพื่อนมนุษย์ ถึงกระนั้นเขา
ก็คิดว่าเขาจะต้องตัดสินตามที่หญิงหม้ายเรียกร้อง แม้ว่าที่ทำไปนั้นไม่ใช่ทำไปเพราะถือตามหน้าที่ที่จะต้องตัดสินความก็ตาม
แต่เกรงว่าเมื่อนางมาบ่อย ๆ ก็จะทำให้เขารำคาญ เขาทนไม่ไหวแล้ว และถ้าหากปล่อยไปอีก เขาก็ยิ่งจะรำคาญมากขึ้นและอ
าจจะกลายเป็นโรคประสาทก็ได้??ฉันจะตัดสินความให้นาง ที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจดำเนินคดีตามที่หญิงหม้ายเรียกร้อง และพระ
อาจารย์เจ้าได้ตรัสว่า จงฟังสิ่งที่ผู้พิพากษาอสัตย์ธรรมได้กล่าวไว้เถิด พระเยซูเจ้าประยุกต์หรือสรุปนิทานเปรียบเทียบ ถ้าหากว่
ามนุษย์ที่ชั่วช้าสามานถึงเพียงนั้นยังไม่สามารถที่จะทนต่อความพากเพียรของหญิงหม้ายได้ เราก็มั่นใจได้เลยว่าพระบิดาเจ้าผู้
ที่มิใช่แต่ยุติธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ประกอบด้วยความเมตตากรุณาจะทรงสดับฟังและสนองตอบคำภาวนาของเรา ถ้าหากเราเพียรหาพระองค์เสมอ ๆ ด้วยความไว้วางใจประสาลูกที่ภักดีต่อพระองค์
พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงแก้แค้นแทนผู้เลือกสรรของพระองค์หรือผู้ที่ได้รับการเลือกสรร เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ใช้แทนผู้ติดตามพระเยซู
คริสตเจ้า นักบุญปอลมักจะเรียกว่า ?นักบุญ? (เทียบ รม 1:7, 12:13) กล่าวคือ ผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรในพระธรรมใหม่
คำว่านักบุญในที่นี้ไม่ใช่หมายความว่า เขามีคุณธรรมอันสูงส่งเหมือนกับที่เราเข้าใจ คำว่านักบุญทั่ว ๆ ไป แต่หมายความว่า เ
ขาเป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงเรียกให้ดำเนินอย่างศักดิ์สิทธิ์ เขากำลังมุ่งไปสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่เขาก็ต้องพยายามประพฤติตัว
ดี ด้วยความยำเกรงพระเป็นเจ้าเพื่อบรรลุถึงความรอด (ฟป 2:12) หมายความว่า บรรดาผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรจะต้องเข้
ามาพึ่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้าอีก และพระองค์จะทรงสดับฟังคำวิงวอนของเขา พระองค์จะแก้แค้นแทนเขาต่อสู้ศัตรูพระอง
ค์ยังจะเมินเฉยต่อคำภาวนาของเขาหรือ เรากล่าวแก่ท่านว่าพระองค์จะโปรดตามที่เขาวอนขอทันที เป็นไปได้ที่พระองค์จะโปร
ดตามที่เขาภาวนาทันที แต่บางครั้งพระองค์ก็อาจจะรอเวลาก็ได้ ทั้งนี้ เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่า พระองค์จะประทานพระคุ
ณให้แก่เราเมื่อไร จึงจะบังเกิดผลประโยชน์ให้แก่เราอย่างแท้จริง สมมุติว่า พระองค์โปรดให้เราชนะการผจญทันทีทันใด ก็เ
ท่ากับไม่มีการต่อสู้อะไรเลย เราทราบดีว่า ชีวิตคือการต่อสู้ และรางวัลจะเป็นของผู้ที่ชนะเท่านั้น การที่พระองค์ไม่สนองตอบทั
นที นั่นแหละ เป็นส่วนหนึ่งของการตอบแล้ว และเป็นการสนองตอบที่ดีที่สุดตามกาละเทศะและถูกต้องทุกประการ
เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา คัมภีราจารย์หลายคนสงสัยว่าประโยคนี้เกี่ยวโยงกับนิทานเปรียบเทียบอย่างไร ทั้งนี้เพราะว่า บางทีเข
าเข้าใจถึงการเสด็จมาครั้งที่สองตอนสิ้นพิภพก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีประโยคนี้อาจจะหมายถึงการเสด็จเข้ามาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต
อนไหนก็ได้ เพื่อแสดงพระเมตตาของพระองค์ต่อมนุษยชาติ ณ ที่นี้ จึงมีความหมายว่า พระเป็นเจ้าทรงสนองคำภาวนาของผู้ที่ถูกเบียดเบียน
เมื่อถึงเวลากำหนดท่านคิดว่า พระองค์จะพบความเชื่อบนโลกนี้หรือ จะมีสักกี่คนที่วางใจในพระองค์?จะมีสักกี่คน
ที่ภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน พระองค์ตรัสถามฝูงชนไม่ใช่เป็นการตั้งปัญหาเพราะสงสัย แต่ว่าเป็นข้อสรุปจากนิทานเปรียบเทียบ กล่าวคือ ทุกคนที่เชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่ทรงพระทัยเมตตากรุณาควรจะตอบว่า เร
าจะภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน เพราะเราทราบว่าพระองค์จะเสด็จมาเกี่ยวข้องกับเราตามความเหมาะสม
|