หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ผู้พิพากษาที่ไร้มโนธรรมและหญิงหม้ายผู้รบเร้า
ลก 18:1-8

คำอธิบาย

เพื่อจะได้สอนเราว่า  เราจำเป็นจะต้องภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน พระเยซูคริสตเจ้าจึงไ ด้ทรงเล่านิทานเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่ง
มีผู้พิพากษาคนหนึ่ง  ในเมืองหรือตามหมู่บ้านใหญ่ ๆ ในประเทศปาเลสไตน์  รัฐบาลจะแต่งตั้งผู้พิพากษาผู้หนึ่งสำหรับตัดสินความต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ

ผู้ซึ่งไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้าและมนุษย์ เขาเป็นคนที่ต่ำช้าและไม่สมกับตำแหน่งหน้าที่อันมีเกียรติของเขาจริง ๆ เขาไม่ได้ยำเกรงพระเป็นเจ้า กล่าวคือ เขาไม่ยอมรับรู้พร ะองค์  และพระบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนที่ไม่ปฏิบัติศาสนา  พระบัญญัติ 10 ประการ ของพระเป็นเจ้า ไม่มีความหมายอะไร  เขาไม่ให้ความเคารพนับถือต่อเพื่อนบ้ าน ประมาทความคิดเห็นของผู้อื่น  ผู้พิพากษาเลว ๆ ชนิดนี้อาจมีขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย  ยิ่งกว่านั้นบางคนยังรับศีลบนในการตัดสินความด้วย  ประกาศกอิสยาห์ได้เคยต่อต้านผู้ พิพากษาที่อยุติธรรมมาแล้ว  ผู้พิพากษาที่ตัดสินให้คนชั่วได้ชนะความ  เพราะเขาได้รับของขวัญหรือบำเหน็จรางวัลจากผู้ผิดแล ะไม่ให้ความเป็นธรรมแก่คนซื่อสัตย์สุจริต (อสย 5:23) และในอิสยาห์บทที่ 1:23 ท่านประกาศกก็ได้พูดไว้ว่า  พวกเจ้านาย  ขาด ความเชื่อถือในพระเป็นเจ้า  เป็นเพื่อนของมหาโจร ชอบรับศีลบนและฝักใฝ่แต่รางวัล ไม่ได้ตัดสินความช่วยเหลือผู้กำพร้าและหญิงหม้ายตามความยุติธรรม  เพราะฉะนั้น นิทานเปรียบเทียบของพระองค์จึงเข้าใจง่ายสำหรับผู้ฟัง

มีหญิงหม้ายคนหนึ่งในเมืองนั้น  คำว่า หญิงหม้าย  ในประเทศปาเลสไตน์ก็ทำให้เราเข้าใจได้ทันทีว่า  เป็นผู้ที่ช่วยตัวเองไม่ได้  ขาดผู้อุปถัมภ์ ผู้คุ้มครอง  และจะต้องรับภาระของสามีเราพบว่าพระเป็นเจ้าทรงตักเตือนชาวอิสราเอลให้เอาในใส่ต่อหญิงหม้า ยและเด็กกำพร้าและคนพลัดถิ่นเป็นพิเศษ (อพย 22:22, ฉธบ 14:29, 16:11, 24:17, อสย 1:23, โยบ 22:9) ที่พระองค์ต้องเ ตือนคนทั้งสามจำพวกนี้เสมอ  หญิงหม้ายในนิทานเปรียบเทียบคงจะได้รับความอยุติธรรมจากเพื่อนบ้านหรือจากญาติพี่น้อง อา จจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมรดกที่สามีของนางได้ทำพินัยกรรมมอบให้  แต่ว่ามีญาติทางฝ่ายสามีแย่งชิงเอาไปก็ได้  หรืออาจจะเป็นเรื่องอื่น ๆ ก็ได้  เราไม่ทราบแน่

นางได้มาหาเขา  นางคงจะได้ขอความเห็นใจ  และพูดตกลงกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว  แต่ไม่ได้ผลอะไร นางก็จำเป็นจะต้องมาร้องเรียนศาลเพื่อให้ผู้พิพากษาตัดสินตามความยุติธรรม

โปรดตัดสินคู่ความของดิฉันตามความยุติธรรม เขาขอร้องให้ผู้พิพากษาทำตามความยุติธรรมและให้ลงโทษผู้ผิด เขาก็ต้องการทรัพย์สมบัติของเขากลับคืนตามความยุติธรรมมากกว่าส่วนเรื่องการลงโทษนั้นเป็นหน้าที่ของศาล

โปรดตัดสินคู่ความของดิฉันตามความยุติธรรม เขาขอร้องให้ผู้พิพากษาทำตามความยุติธรรมและให้ลงโทษผู้ผิด เขาก็ต้องการทรัพย์สมบัติของเขากลับคืนตามความยุติธรรมมากกว่า  ส่วนเรื่องการลงโทษนั้นเป็นหน้าที่ของศาล

ผู้พิพากษาไม่ได้ทำตามที่นางขอร้องเป็นเวลานาน เนื่องจากเขาเป็นคนที่ขาดความเมตตาจิตและไม่สนใจต่อความเดือดร้อนขอ งเพื่อนมนุษย์  เขาก็ไม่ได้พิจารณาคดีของหญิงหม้าย แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ได้เพียรกลับมาหาผู้พิพากษาอธรรมผู้นี้ได้  และที่สุดเธอก็เห็นผลจริง ๆ

หลังจากนั้นผู้พิพากษาก็รำพึงในใจ ความพากเพียรของหญิงหม้ายได้ชนะจิตใจของเขา  และเขาก็ยอมรับเช่นนั้นจริง ๆ

แม้ว่าฉันจะไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้าและมนุษย์ เขายอมรับว่าเขาไม่ยำเกตงพระเป็นเจ้าและประมาทเพื่อนมนุษย์ ถึงกระนั้นเขา ก็คิดว่าเขาจะต้องตัดสินตามที่หญิงหม้ายเรียกร้อง  แม้ว่าที่ทำไปนั้นไม่ใช่ทำไปเพราะถือตามหน้าที่ที่จะต้องตัดสินความก็ตาม แต่เกรงว่าเมื่อนางมาบ่อย ๆ ก็จะทำให้เขารำคาญ เขาทนไม่ไหวแล้ว  และถ้าหากปล่อยไปอีก เขาก็ยิ่งจะรำคาญมากขึ้นและอ าจจะกลายเป็นโรคประสาทก็ได้??ฉันจะตัดสินความให้นาง  ที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจดำเนินคดีตามที่หญิงหม้ายเรียกร้อง และพระ อาจารย์เจ้าได้ตรัสว่า  จงฟังสิ่งที่ผู้พิพากษาอสัตย์ธรรมได้กล่าวไว้เถิด พระเยซูเจ้าประยุกต์หรือสรุปนิทานเปรียบเทียบ  ถ้าหากว่ ามนุษย์ที่ชั่วช้าสามานถึงเพียงนั้นยังไม่สามารถที่จะทนต่อความพากเพียรของหญิงหม้ายได้  เราก็มั่นใจได้เลยว่าพระบิดาเจ้าผู้ ที่มิใช่แต่ยุติธรรมเท่านั้น  แต่ยังเป็นผู้ประกอบด้วยความเมตตากรุณาจะทรงสดับฟังและสนองตอบคำภาวนาของเรา  ถ้าหากเราเพียรหาพระองค์เสมอ ๆ ด้วยความไว้วางใจประสาลูกที่ภักดีต่อพระองค์

พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงแก้แค้นแทนผู้เลือกสรรของพระองค์หรือผู้ที่ได้รับการเลือกสรร  เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ใช้แทนผู้ติดตามพระเยซู คริสตเจ้า  นักบุญปอลมักจะเรียกว่า ?นักบุญ? (เทียบ รม 1:7, 12:13) กล่าวคือ  ผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรในพระธรรมใหม่ คำว่านักบุญในที่นี้ไม่ใช่หมายความว่า เขามีคุณธรรมอันสูงส่งเหมือนกับที่เราเข้าใจ คำว่านักบุญทั่ว ๆ ไป แต่หมายความว่า เ ขาเป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงเรียกให้ดำเนินอย่างศักดิ์สิทธิ์ เขากำลังมุ่งไปสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่เขาก็ต้องพยายามประพฤติตัว ดี ด้วยความยำเกรงพระเป็นเจ้าเพื่อบรรลุถึงความรอด (ฟป 2:12) หมายความว่า  บรรดาผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรจะต้องเข้ ามาพึ่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้าอีก และพระองค์จะทรงสดับฟังคำวิงวอนของเขา พระองค์จะแก้แค้นแทนเขาต่อสู้ศัตรูพระอง ค์ยังจะเมินเฉยต่อคำภาวนาของเขาหรือ เรากล่าวแก่ท่านว่าพระองค์จะโปรดตามที่เขาวอนขอทันที  เป็นไปได้ที่พระองค์จะโปร ดตามที่เขาภาวนาทันที แต่บางครั้งพระองค์ก็อาจจะรอเวลาก็ได้ ทั้งนี้  เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่า  พระองค์จะประทานพระคุ ณให้แก่เราเมื่อไร  จึงจะบังเกิดผลประโยชน์ให้แก่เราอย่างแท้จริง สมมุติว่า  พระองค์โปรดให้เราชนะการผจญทันทีทันใด  ก็เ ท่ากับไม่มีการต่อสู้อะไรเลย  เราทราบดีว่า ชีวิตคือการต่อสู้  และรางวัลจะเป็นของผู้ที่ชนะเท่านั้น การที่พระองค์ไม่สนองตอบทั นที  นั่นแหละ  เป็นส่วนหนึ่งของการตอบแล้ว  และเป็นการสนองตอบที่ดีที่สุดตามกาละเทศะและถูกต้องทุกประการ

เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา คัมภีราจารย์หลายคนสงสัยว่าประโยคนี้เกี่ยวโยงกับนิทานเปรียบเทียบอย่างไร ทั้งนี้เพราะว่า  บางทีเข าเข้าใจถึงการเสด็จมาครั้งที่สองตอนสิ้นพิภพก็เป็นได้  อย่างไรก็ดีประโยคนี้อาจจะหมายถึงการเสด็จเข้ามาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต อนไหนก็ได้ เพื่อแสดงพระเมตตาของพระองค์ต่อมนุษยชาติ  ณ   ที่นี้  จึงมีความหมายว่า  พระเป็นเจ้าทรงสนองคำภาวนาของผู้ที่ถูกเบียดเบียน

เมื่อถึงเวลากำหนดท่านคิดว่า  พระองค์จะพบความเชื่อบนโลกนี้หรือ จะมีสักกี่คนที่วางใจในพระองค์?จะมีสักกี่คน ที่ภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน พระองค์ตรัสถามฝูงชนไม่ใช่เป็นการตั้งปัญหาเพราะสงสัย  แต่ว่าเป็นข้อสรุปจากนิทานเปรียบเทียบ กล่าวคือ ทุกคนที่เชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่ทรงพระทัยเมตตากรุณาควรจะตอบว่า เร าจะภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน  เพราะเราทราบว่าพระองค์จะเสด็จมาเกี่ยวข้องกับเราตามความเหมาะสม

คำสอน


มีคริสตชนที่ดีศรัทธามากมายที่ยอมรับว่าพระเป็นเจ้าปรีชาฉลาดหาขอบเขตมิได้  พระองค์ก็ทรงรอบรู้สารพัด  และพระองค์ทรงมีพระทัยเมตตาปราณีต่อมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง  แม้พระองค์จะปฏิเสธคำภาวนาที่เราขอ เป็นต้น  ด้านวัตถุ  เช่น  การอยู่ดีกินดี  สุขภาพสมบูรณ์ ฯลฯ แต่ก็พร้อมเสมอที่จะตั้งคำถามสารพัด  เมื่อเราขอบางสิ่งบางอย่างทางด้านวิญญาณ และพระองค์ก็ไม่ได้ประทานให้ตามที่เราขอนั้น พวกเขามักจะถามว่า  ทำไมวิญญาณที่ถวายตัวเพื่อรับใช้พระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียวจะดิ้นรนต่อสู้กับการโจมตีของโลก  เนื้อหนัง และปีศาจ ทำไมวิญญาณที่สัตย์ซื่อต่อพระเป็นเจ้าบางดวงถึงต้องผจญในด้านความเชื่อ มีความสงสัยต่อพยานสอดส่องของพระเป็นเจ้า  มีความรู้สึกกลัวบาปจนเกินไป จนกระทั่งขาดความไว้วางใจต่อพยานสอดส่องของพระเป็นเจ้า มีความรู้สึกกลัวบาปจนเกินไป  จนกระทั่งขาดความไว้วางใจต่อพระเป็นเจ้า  ทำไมจึงเป็นเช่นนี้  ทั้ง ๆ ที่พระเป็นเจ้าก็สามรถที่จะช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย

คำถามต่าง ๆ เหล่านี้มักจะเข้ามาในความคิดของเรา ทั้งนี้เพราะว่าเรามีสติปัญญาจำกัด  เราเห็นเพียงส่วนใจส่วนหนึ่งของพรมผืนใหญ่ที่พระเป็นเจ้าเองกำลังทำสำหรับมนุษยชาติ เราต้องการรู้  ต้องการเข้าใจทันทีทันใดตอนใดตอนหนึ่งของพรม  แต่พระเป็นเจ้าผู้ทรงล่วงรู้สารพัด พระองค์สนใจต่อพรมทั้งผืน เรากระตือรือร้นที่จะเก็บเกี่ยวผลที่เราได้หว่าน แต่ตามแผนการของพระเป็นเจ้า  พระองค์เพียงแต่ให้เราทำหน้าที่หว่านอย่างเดียว หรือบางทีให้เราเตรียมดินสำหรับจะได้หว่านพืชเท่านั้น  ส่วนการเก็บเกี่ยวนั้นเป็นหน้าที่ของผู้อื่น บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นการเสียเวลาเป็นการพ่ายแพ้  แต่ตามแผนการของพระเป็นเจ้าเป็นชัยชนะสำหรับเราในภายหลัง เราอาจจะพ่ายแพ้ในการรบบางครั้งแต่เราจะชนะสงคราม  ถ้าหากเราวางใจในพระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าเนื่องจากเราไม่มีความสามารถที่จะเห็นแผนการทั้งหมดที่พระเป็นเจ้าทรงจัดไว้สำหรับเรา  พระองค์จึงทรงเน้นเสมอให้เรามีความพากเพียร เราจะต้องพยายามทำสิ่งที่เราสามารถจะทำได้ แม้ว่าดู ๆ คล้าย ๆ กับพระเป็นเจ้าไม่สนพระทัยต่อเราเลย การทดลองไม่ว่าทางด้านจิตใจ หรือทางด้านวัตถุในชีวิตของเรา  เป็นวิธีการที่พระเป็นเจ้าใช้อบรมเราให้เป็นพลเมืองที่ดีในอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ถ้าหากเรายอมรับการทดลองหรือการผจญต่าง ๆ  และเรายังคงมีความวางใจต่อพระทัยเมตตาและความรักของพระบิดาเจ้าที่มีต่อเรา วันหนึ่ง เราก็คงจะยอมรับว่าพระเป็นเจ้าทรงฟังคำภาวนาอันร้อนรนของเรา  และพระองค์ทรงประทานพระคุณมากกว่าที่เราวอนขอเสียอีก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระองค์ทรงรักเรามากนั่นเอง

ตุลาการอธรรมได้ทำตามคำขอร้องของหญิงหม้ายในที่สุด เพราะว่านางได้เพียรขอโดยไม่หยุดหย่อน พระเป็นเจ้าผู้ทรงยุติธรรมและทรงรักเราเป็นที่สุดจะสนองตอบคำภาวนาของเราเสมอ  แต่ไม่ใช่ว่าพระองค์จะยกอุปสรรคที่คุกคามความก้าวหน้าของเราออกไป  แต่ว่าพระองค์จะทรงประทานพละกำลังให้เราสามารถใช้อุปสรรคเหล่านั้นยกฐานะของเราให้สูงขึ้น และให้เราชนะและสมจะได้รับบำเหน็จที่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับเราในสวรรค์ทั้งชั่วนิรันดร

ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ