ในนิทานเปรียบเทียบบทนี้ พระอาจารย์เจ้าทรงสอนเราว่า เราจำเป็นจะต้องแส
ดงเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถ้าหากเราหวังจะได้รับพระเมตตาจากพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้าเองได้เคยตรัสกับนักบุญเปโตร ให้พร้อมเสมอที่จะอภัยความภัยแก่ผู้อื่นไม่ใช่เพียงเจ็ดครั้งตามที่ท่านนักบุญคิด แต่ว่าเจ็ดคุณเจ็ดสิบ
หมายความว่าจะต้องอภัยโทษเสมอไป นิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ทำไมนักบุญเปโตรจึงต้องทำเช่นนี้
อาณาจักรสวรรค์ หมายถึง อาณาจักรของพระเป็นเจ้าบนแผ่นดินนี้ กล่าวคือพระศาสนจักร
คนใช้คนหนึ่งเป็นหนี้พันล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาล แน่นอน คงไม่มีคนใช้คนใดที่ทำหนี้สินต่อกษัตริย์ถึงเพียงนั้น แต่การ
ตกแต่งเรื่องเกินความจริงนั้นก็เพื่อจะให้เรื่องเล่ามีชีวิตชีวาขึ้น เพื่อจะให้ความจริงที่ผู้เล่าต้องการสอนนั้นเห็นแจ้งยิ่งขึ้น บทเรี
ยนบทนี้ต้องการสอนเราว่าเราเป็นหนี้พระเป็นเจ้าอย่างมากมาย เมื่อเราทำบาปหนักแต่เพียงประการเดียว
กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ขายทั้งตัวเขา ในสมัยพระเยซูเจ้ามีธรรมเนียมขายลูกหนี้และครอบครัวของเขาให้ตกเป็นทาส ถ้าหากว่าเข
าไม่สามารถหาเงินมาชำระเจ้าหนี้ ผู้เป็นนายที่ซื้อทาสก็จะจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้โดยผ่อนส่งเป็นปีๆ ไป และลูกหนี้และครอบครัวก็ต้องตกเป็นทาสของผู้ซื้อจนกว่าผู้ซื้อจะจ่ายเงินหมด
ผู้รับใช้ผู้นั้นกราบลงแทบพระบาท ทูลอ้อนวอน คนใช้ทราบดีว่าสิ่งที่เขาควรจะต้องทำเพื่อช่วยตัวเองและครอบครัวก็คือ กราบข
อความกรุณาจากกษัตริย์ เขาสัญญาที่จะจ่ายคืนให้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบไม่น่าเชื่อ เนื่องจากเขาติดหนี้มากมายเหลือเกิน อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดจะหาหนทางใช้ให้
กษัตริย์ทรงสงสาร ได้ยกหนี้ให้เขาทั้งหมด พระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณา พระองค์ตระหนักดีว่า ชีวิตการเป็นทาส
นั้นน่าสังเวชมาก และครอบครัวของเขาคงจะประสบความยากลำบากนานัปการ พระองค์จึงได้ทรงยกโทษให้ และปล่อยเขาไป พระองค์ทรงแสดงน้ำพระทัยดีต่อเขามากกว่าที่เขาขอเสียอีก
ขณะที่ผู้รับใช้ผู้นี้ออกไป เปลี่ยนฉากใหม่ คนใช้เดินออกไปจากท้องพระโรง เผอิยเขาได้พบเพื่อนคนใช้ด้วยกันที่เป็นหนี้เขาไม่มากเท่าไร เพียงไม่กี่พันบาท
เขาได้เข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น ให้เราสังเกตและเปรียบเทียบการกระทำของกษัตริย์ที่มีต่อเขา และการกระทำของเขาต่อลูกหนี้ น้ำใจของเขาต่ำช้ามากๆ และเขาใช้ความรุนแรงต่อลูกหนี้
เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด จำนวนหนี้สินนั้นน้อยเหลือเกิน ถ้าเปรียบเทียบกับหนี้สินที่ก็กษัตริย์ยกให้เขา เขาคงจะรู้สึกอายๆ ด้วยซ้ำไป จึงไม่ได้กล่าวว่ามากเท่าไร เพียงแต่พูดว่าหนี้สินที่ติดข้า
เพื่อนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอน ลูกหนี้ได้ทำเช่นเดียวกันกับที่เขาเพิ่งทำมาเมื่อสักครู่นั่นเอง กล่าวคือ ได้ขอความกรุณาจากเรา แล
ะสัญญาว่าจะพยายามชำระหนี้สินให้ครบคำมั่นสัญญานี้คงจะทำได้ง่าย แต่คำสัญญาที่คนใช้ใจอำมหิต ได้สัญญากับกษัตริย์นั้นยากกว่าหลายเท่าตัว แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง
แต่ชายผู้นั้นไม่ยอมฟัง นำลูกหนี้ขังไว้จนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด เขาพยายามทำตามความยุติธรรม โดยขาดเมตตาจิต ทั้งๆ ที่เขาเองเพิ่งได้รับพระเมตตาจากกษัตริย์
เพื่อนผู้รับใช้อื่นๆ เห็นดังนั้น ฉากที่สาม เมื่อเพื่อนร่วมงานเห็นความสารเลวของคนใช้ดังนั้นก็รู้สึกเศร้าใจ และได้รายงานให้กษัตริย์ทรงทราบ
เจ้าคนสารเลว ฉากสุดท้าย กษัตริย์รับสั่งให้นำคนใช้มาเฝ้า และบัดนี้เขาก็อยู่ต่อหน้ากษัตริย์ ที่เมื่อก่อนนั้นทรงพระเมตตาต่อเขา แต่เดี๋ยวนี้ทรงพระพิโรธ และพระองค์กำลังจะใช้ความยุติธรรมของพระองค์ต่อคนใช้สารเลว
ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมดเพราะเจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกันเหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ เจ้าก็ค
วรจะมีเมตตาจิตต่อคนอื่นๆ มิใช่หรือ กษัตริย์ทรงพระพิโรธต่อเขาไม่ใช่เพราะเขาเป็นหนี้มหาศาลต่อกษัตริย์ แต่เพราะว่าเขาได้กระทำต่อเพื่อนคนใช้โดยไร้ความปราณี เขาไม่ได้ทำกับผู้อื่น สิ่งที่เขาต้องการให้ผู้อื่นทำต่อเขา
ตรัสสั่งให้นำผู้รับใช้นี้ไปทรมาน กษัตริย์เคร่งครัด พระองค์ทำตามความยุติธรรมและเนื่องจากหนี้สินจำนวนมหาศาล โทษของเ
ขาคงจะอยู่ตลอดชีวิต แต่ที่ร้ายกว่าอีกก็คือ เขาจะต้องถูกทรมาน ถูกลงโทษอย่างสาหัส เพราะว่าเขาขาดความเมตตาต่อเพื่อนคนใช้ด้วยกัน
พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงกระทำกับท่านทำนองเดียวกัน พระเยซูเจ้าประยุกต์นิทานเปรียบเทียบของพระองค์เ
ป็นนิทานเปรียบเทียบที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ขึ้น เพื่อใช้สอนเราว่า เราจะต้องมีเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ ถ้าหากเราต้องการพร
ะเมตตาจากพระองค์ พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการประยุกต์คำภาวนาวิงวอนขอ ขอหนึ่งในบทข้าแต่พระบิดา โปรดประทานอภัยแก่ข้
าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น และพระองค์ได้ตรัสไว้ว่า แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยความผิดแก่ผู้อื่น พระบิดาของท่านก็จะไม่ทรงให้อภัยความผิดของท่านเช่นกัน (มธ 6:15)
|