หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

 หญิงสาวสิบคน
มธ 25:1-13, ลก 12:35-38

คำอธิบาย


เพื่อจะเน้นถึงความจำเป็นในการเตรียมตัวให้พร้อมและการตื่นเฝ้าอยู่เสมอ พระเยซูเจ้ าจึงได้ทรงเล่านิทานเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อจะได้สอนสานุศิษย์ที่จะรับบทบาทพิเศษในการอภิเษกสมรสระหว่างพระเยซูคริสตเจ้าและพระศาสนจักร แม้เขาไม่ได้ทำผิด อะไรออกมาให้เห็น แต่เพราะเขาเลินเล่อต่อหน้าที่ที่เขาควรจะทำ เขาก็เป็นผู้ไม่เหมาะสมจะเข้าในงานวิวาห์มงคลในสวรรค์

การเปรียบเทียบการมงคลสมรสกับความสัมพันธ์ระหว่างพระคริสตเจ้าและพระศาสนจัก ร  เป็นเรื่องที่ผู้ฟังทุกคนเข้าใจดีไม่ยากอะไร  ในพระธรรมเก่าผู้เขียนพระคัมภีร์มักจะเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างพระเป็นเจ้าและประชากรชาวยิวทั้งการมงคลสมรส  พ ระเป็นเจ้าทรงเป็นเจ้าบ่าวและอิสราเอลเป็นเจ้าสาว (เทียบ เพลงรักซาโลมอน อิสยาห์ 54, 2 โครินทร์ 11:2, เอเฟซัส 5:25-32)

พระอาณาจักรสวรรค์เปรียบเทียบหญิงพรหมจารีย์ 10 คน ในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสตเจ้านั้นจะเป็นการเริ่มอา ณาจักรสวรรค์อย่างสมบูรณ์ และอาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้  หรือพระศาสจักรแห่งการต่อสู้ในโลกชั่วคราวนี้จนถึงที่สิ้นสุดลง
พระองค์ต้องการจะอธิบายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกและได้ทรงประทานทุกวิถึทางเพื่อให้เขาเอาตัวรอดอย่างง่ายได้

หญิงพรหมจารีย์ 10 คน ในสมัยพระเยซูคริสตเจ้า เจ้าสาวยิวจะเลือกเพื่อนหญิงสาวไว้เป็นเพื่อนเจ้าสาว เพื่อจะได้ช่วยเหลือเ ขาในการเตรียมตัวและจัดทำสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อเตรียมงานสมรส โดยปกติเขาจัดงานพิธีสมรสที่บ้านเจ้าบ่าว  เจ้าบ่าวก็จะ มีเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย เขาจะแห่ไปบ้านเจ้าสาวราว ๆ พระอาทิตย์ตก  เมื่อรับเจ้าสาวจากบิดามารดาของเธอแล้ว เขาก็จัดขบว นแห่ไปยังบ้านเจ้าบ่าวพร้อมด้วยเสียงดนตรีและการร้องรำทำเพลงแสดงความชื่นชมยินดีการวิวาห์มงคลนั้นอาจจะยืดเยื้อตลอ ดคืนหรือบางทีอาจจะยืดไปหลายวัน ตามปกติแขกที่ได้รับเชิญมามีจำนวนมาก  ซึ่งเป็นญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของทั้งสองฝ่าย  แ ละคนที่สำคัญ ๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย ค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่าไร เพราะแขกผู้ที่ได้รับเชิญจะนำเอาแป้ง  เหล้าองุ่น  เนยแข็ง และทุกอย่างที่จะใช้ในพิธีมงคลสมรส  มามอบให้แทนของขวัญที่มีค่าสูง ๆ

ในนิทานเปรียบเทียบนี้  พระเยซูคริสตเจ้าต้องการจะพูดถึงชะตากรรมของแขกที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษนี้  เพื่อนสนิทของเจ้าสา วซึ่งได้รับเชิญด้วยความปีติยินดีและเตรียมงานวิวาห์มงคลมากมายแล้ว ถึงกระนั้นก็ดี เพราะความเลินเล่อพวกเขาก็ไม่เป็นผู้ที่เหมาะสมจะเข้าร่วมในขบวนแห่ซึ่ง

เอาตะเกียงของพวกเขาไป  เพื่อนเจ้าวสาวต้องจุดตะเกียงเพื่อเข้าร่วมในขบวนแห่ซึ่งมักจะเป็นเวลากลางคืน  ทั้ง 10 คน  ได้ มาถึงบ้านเจ้าสาวก่อนเวลา แต่งตัวเตรียมพร้อมแล้วและถือตะเกียงซึ่งปกติเป็นตะเกียงเล็ก ๆ ที่ทำด้วยดินเผาหรือทองเหลืองและใช้จุดได้เพียง 2-3 ชั่วโมง น้ำมันก็หมด

5 คน เป็นคนโง่  อีก 5 คน  เป็นคนฉลาด  เลข 10 เป็นเลขที่ชาวยิวถือว่าเป็นเลขมีเกียรติ ฉะนั้น ตามปกติเขามักจะเลือกเพื่อนเจ้าสาว 10 คน เพื่อเข้าร่วมขบวนแห่

หญิงพรหมจารีย์ที่โง่นั้นได้เอาตะเกียงไป  แต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย  เนื่องจากตะเกียงจุน้ำมันได้น้อย พวกเขาจะต้องหาภาชนะอื่นสำหรับใส่น้ำมันไว้เติมด้วย

และเจ้าบ่าวก็ได้มาช้า  เมื่อพวกเขามาพร้อมกันที่บ้านเจ้าสาว ตอนแรก ๆ ก็คุยกันสนุกสนาน  ต่างคนต่างรอเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้น แต่พอยิ่งทียิ่งดึก ทุกคนก็เหนื่อยและม่อยหลับไป

นั่นแน่ะ เจ้าบ่าวมาแล้ว ประมาณเที่ยงคืน  คนที่คอยเฝ้าดูอยู่นอกบ้านว่าเจ้าบ่าวจะมาถึงเมื่อไร  ก็เห็นขบวนแห่งเจ้าบ่าวเข้าม าใกล้ก็ร้องตะโกนว่า “นั่นแน่ะ  เจ้าบ่าวมาแล้ว  ให้เราเตรียมไปต้อนรับเขาเถอะ”

เพื่อนเจ้าสาวทั้งหมดก็ลุกขึ้น  และแต่งตะเกียงของตน เพื่อนเจ้าสาวที่ฉลาดได้เติมน้ำมันในตะเกียง และได้จุดตะเกียง ส่ว นเพื่อนเจ้าสาวที่ไม่รอบคอบได้จุดตะเกียงด้วย  แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าตะเกียงดับจึงได้รู้ว่าน้ำมันหมดแล้ว  และรู้ด้วยว่าตัวไม่ได้เตรียมน้ำมันมาเพราะความเลินเล่อของตน

ขอน้ำมันให้เราบ้าง เขาขอยืมน้ำมันจากผู้อื่น ซึ่งก็มีจำกัดเหมือนกัน เขาน่าจะเตรียมตนเอง

เพื่อนเจ้าสาวที่ฉลาดได้ตอบว่า  บางทีน้ำมันคงจะไม่พอทั้งสำหรับเราและสำหรับท่าน  ขอให้ท่านไปซื้อเอาเองเถิด คำตอบนี้บ างทีหลายคนอาจจะคิดว่าพวกเพื่อนเจ้าสาวอาจจะขาดเมตตาจิต  แต่ถ้าเราดูอีกมุมหนึ่งเราจะเห็นว่า  เป็นความฉลาดรอบคอบของเขา เพราะเขากลัวน้ำมันหมด

ขณะที่พวกเขาไปซื้อ เป็นวิธีเดียวที่เขาอาจจะหาน้ำมันได้  แต่ขณะที่เขาไปซื้อนั้น  ทางนี้ก็เริ่มขบวนแห่เจ้าสาวไปยังบ้านเจ้าบ่าว หลังจากนั้นเขาก็ปิดประตูและเริ่มฉลองงานวิวาห์มงคล

ที่สุดพวกเขาก็กลับมา หลังจากที่ไปเที่ยวหาซื้อน้ำมัน บางทีอาจจะหาไม่ได้ด้วย เพราะดึกมารแล้ว  เขาก็ไปยังบ้านเจ้าบ่าว  เ พราะคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นเพื่อนเจ้าสาว  เขาจึงอ้อนวอนขอให้เจ้าบ่าวเปิดประตูรับพวกเขา

แต่เจ้าบ่าวได้ตอบว่า เราขอตอบท่านอย่างสัตย์จริงว่า  เราไม่รู้จักพวกท่าน เจ้าบ่าวไม่ได้เปิดประตูต้อนรับเขา  ทั้งนี้ก็เพราะว่ าแม้เจ้าสาวจะได้เลือกเขาให้เป็นเพื่อน แต่พวกเขาก็ทำตัวไม่เหมาะสมกับเกียรติยศอันนั้น  เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวอย่างดี และไม่รอบคอบ

จงเฝ้าระวัง  เพราะว่าท่านไม่รู้ว่าวันและโมงจะมาถึงเมื่อไร  วันที่พระตุลาการจะเสด็จมาพิพากษาโลก วันวิวาห์มงคลระหว่างพระเยซูเจ้าและผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรนั้นไม่มีใครทราบได้

คล้าย ๆ กับเราไม่ทราบว่าเวลาใด เจ้าบ่าวในนิทานเปรียบเทียบจะมาถึง  มีวิธีแน่นอนอยู่วิธีเดียวเท่านั้น ที่เรามีโอกาสจะพบพระตุลาการอย่างสงบราบคาบและปลอดภัย คือ  เตรียมพร้อมอยู่เสมอ

คำสอน


แม้ว่าคัมภีราจารย์จะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก  ถ้าจะอธิบายโดยละเอียดในนิทานเปรีบเทียบ  ถึงกระนั้นคัมภีราจารย์คำสอนก็แจ้งใช้ได้ พระเยซูคริสตเจ้าได้อธิบายเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในงานวิวาห์มงคล เพื่อจะได้สั่งสอนให้ผู้ฟังทั้งหลายทราบว่าพวกเขาจะต้องตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ในการปรนนิบัติพระเป็นเจ้า  ถ้าหากพวกเขาประสงค์จะพ้นจากภัยพิบัติ  หรือถูกตัดขาดไม่ให้เข้ามาร่วมในพิธีมงคลสมรสในวันพิพากษา  ในนิทานเปรียบเทียบที่พระเยซูคริสตเจ้าเล่าว่างานวิวาห์มงคลนั้นเป็นอาณาจักรสวรรค์  ส่วนคนที่ได้รับเชิญนั้นได้ปฏิสธไม่ยอมมา ที่สุด พวกเขาก็ไม่ได้ลิ้มรสความสุขในอาณาจักรสวรรค์  แต่ในนิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้ พวกเพื่อนเจ้าสาวได้ยินดีมาตามคำเชื้อเชิญ แต่พวกเขาไม่ได้ลิ้มรสสันติสุขในงานวิวาห์มงคล
เพื่อนเจ้าสาวสิบคนนั้นหมายถึงคริสตชนทั้งหมด  หลังจากที่เขาได้รับศีลล้างบาป และได้เป็นสมาชิกพระศาสนจักร  เขาก็เริ่มออกเดินทางเพื่อเข้าอาณาจักรสวรรค์  เขาถูกเชิญให้เข้ามามีส่วนร่วมในงานวิวาห์มงคล  แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรก  เป็นเพียงการเริ่มเท่านั้น แต่เมื่อเขาโตขึ้นและมีอายุรู้ความแล้ว  เขาก็ควรที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อม  โดยถือตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าด้วยความยินดี เพื่อต้อนรับวันอันสำคัญยิ่งนั้น  คือวันที่เจ้าบ่าวจะเสด็จมา  เวลานั้น  ครั้งแรกก็คือเวลาที่เราจะต้องลาออกจากโลกนี้ไป  และครั้งที่สองก็คือเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษามนุษย์ชาติในวันสิ้นพิภพ  ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ คริสตชนทุกคนต่างก็สามารถที่จะใช้เครื่องมือที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมอบหมายให้เขาเพื่อเอาตัวรอด แต่จะมีคริสตชนบางคนที่เลินเล่อ และไม่ใช้เครื่องมือนั้นดีเท่าที่ควร  และในที่สุดเขาจะไม่มีโอกาสเข้าอาณาจักรสวรรค์  และกว่าเขาจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ก็เป็นเรื่องจริง

เรารู้สึกสงสารเพื่อนเจ้าสาวที่ไม่รอบคอบเพราะพวกเขาไม่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมในพิธีวิวาห์มงคล  แต่เราก็ควรจะคิดถึงและเห็นใจทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วย  เพราะว่าเพื่อนเจ้าวสาวไม่ได้ให้เกียรติเขาเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ที่เจ้าสาวรักเป็นพิเศษ

เช่นเดียวกับคริสตชนที่ได้รับการไขแสดงของพระเป็นเจ้าและได้รับอภิสิทธิ์ต่าง ๆ  ที่คนต่างศาสนาไม่เคยได้รับเมื่อต้องสูญเสียวิญญาณไป  และต้องโทษ  เราก็รู้สึกสงสารเขา แต่เมื่อเรามาคิดถึงพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยเมตตาต่อเขาถึงเพียงนั้น  และเขาไม่ได้คิดถึงพระองค์เลย เราก็พูดไม่ออกเช่นเดียวกัน หรือเราอาจจะคิดว่าที่เขาต้องถูกโทษนั้นก็สมควรแล้วด้วยซ้ำไป

พวกเพื่อนเจ้าสาวจะต้องจัดเตรียมน้ำมันไว้เป็นหน้าที่โดยตรงของพวกเขา ถ้าหากเราจะเปรียบเทียบหน้าที่ของเขากับเกียรติยศในงานวิวาห์มงคล  เราจะเห็นว่าหน้าที่นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยจริง ๆ หน้าที่ของคริสตชนต่อพระเป็นเจ้าก็เป็นเรื่องเล็กน้อยจริง ๆ  ถ้าหากเราเปรียบเทียบกับรางวัลพระเป็นเจ้าทรงจัดไว้สำหรับผู้ที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์  กล่าวคือ  ความสุขตลอดทั้งชั่วนิรันดรในสวรรค์  แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าในเวลานี้เราเห็นว่ามีคริสตชนจำนวนไม่น้อยที่กำลังถือตะเกียงโดยไม่มีน้ำมัน  พอเขาได้ยินเสียงร้องว่า “เจ้าบ่าวมาแล้ว  ให้เราไปต้อนรับท่านเถิด” เขาก็จะจัดการอะไรไม่ทันแล้ว  แม้แต่เพื่อนสนิทของเขาก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้  เพราะทุกคนจะต้องถูกพิพากษาตามบาปบุญคุณโทษ ไม่มีโอกาสที่จะยืมน้ำมันหรืออาศัยคุณธรรมของผู้อื่น และไม่มีเวลาที่จะซื้อน้ำมันด้วย

บัดนี้ เป็นเวลาเหมาะที่สุดที่เราจะกล่าวกับพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรดเปิดประตูรับข้าพเจ้าด้วย” โปรดเปิดประตูแห่งความเมตตากรุณา  โปรดเปิดตาของเรา  ให้เราสามารถจะเห็นใจและมองเห็นข้อบกพร่องของเรา  และโปรดให้เราเห็นหนทางที่จะแก้ไขขณะที่ยังมีเวลาอยู่  ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นกับเราที่จะตัดสินเวลานี้ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ว่าในวันพิพากษาเราจะอยู่กับเพื่อนเจ้าสาวที่ฉลาดรอบคอบ  หรือเพื่อนเจ้าสาวที่โฉดเขลาเบาปัญญา
 

ที่มา : แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ