คนที่สะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวเองก็เป็นดังนี้แหละ เขาไม่ได้เป็นเศรษฐีเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า เมื่อเล่าจบ พระองค์ก็สรุปคำสอนสั้น ๆ ดังนี้ และทรงเตือนฝูงชนทั้งหลายไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างของชายโง่ในนิทานเปรียบเทียบนั้น ซึ่งยอมเสียสละทั้งกายใจเพื่อของของโลก มิฉะนั้น พวกเขาก็จะต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นเดียวกัน แต่ว่าให้พวกเขาสะสมทรัพย์สมบัติทางด้านวิญญาณ ซึ่งจะทำให้เขาเป็นเศรษฐีเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้าและดังนี้ เขาก็สมจะเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้ทรงตัดสินเขาตามบาปบุญคุณโทษซึ่งพระเยซูเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะสอนเรานั้นแจ้งมากใช้ได้ แต่การนำเอาไปปฏิบัติค่อนข้างจะยาก เช่น การที่จะอยู่ในโลกนี้โดยที่เราจะต้องไม่ติดอกติดใจกับโลก การประกอบอาชีพโดยซื่อสัตย์เพื่อสะสมเงินทองไว้ใช้ในเวลาจำเป็น แต่ในเวลาเดียวกันก็จะต้องใช้เงินนั้นอย่างถูกต้องและไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้มักจะขัดกับธรรมชาติหรือความโน้มเอียงของเรา
แต่ใจฐานะที่เราเป็นคริสตชน เราก็ย่อมทราบว่าหนทางที่พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงชี้ให้เราเดิน
เพื่อบรรลุถึงสวรรค์นั้น ไม่ใช่หนทางที่ปูลาดด้วยกุหลาบเป็นหนทางกางเขน ถ้าหากใครอยากตามเรามาก็ให้เขาเสียสละแบกกางเขนและติดตามเรามา (มธ 16:24) ถ้าหากมีหนทางที่ง่ายกว่านี้ พระอาจารย์เจ้าผู้ทรงพระทัยดีก็คงจะบอกเราแล้ว
แต่พระองค์ก็ทรงชี้เพียงทางเดียวเท่านั้น คือ หนทางที่มีหินขรุขระที่นำไปสู่เนินกัลวารีโอ คริสตชนจำนวนมากมายได้เข้าใจความจริงข้อนี้อย่างแจ่มแจ้ง หลาย ๆ คนได้เสียสละแม้กระทั่งสิ่งจำเป็นในชีวิต และความสะดวกสบายโดยสมัครเป็นนักบวชถือศีลบนอย่างเคร่งครัด และมอบความไว้ใจทั้งหมดในพระเป็นเจ้า เพื่อเขาจะได้อิสระในการรับใช้พระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์หลายคนได้ดำรงชีพอยู่ในโลกได้ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว และบางคนอาจจะมีฐานะดีด้วยซ้ำไป แต่ว่าโภคทรัพย์เหล่านี้ก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลยในการดำรงชีพที่สนิทชิดเชื้อกับพระเป็นเจ้า เพื่อจะปฏิบัติตนเองถึงขั้นนั้นไม่ใช่เป็นของง่าย แต่พระหรรษทานของพระเป็นเจ้าก็พร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือผู้มีน้ำใจดี
แต่ก็มีอีกหลายคนเหมือนกันที่ดำเนินชีพเหมือนกับเศรษฐีที่โง่เขลาในนิทานเปรียบเทียบ พยายามแสวงหาทรัพย์สมบัติหามรุ่งหามค่ำ โดยไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องถูกฝังโดยไม่มีอะไรติดตัวไป เขาอาจจะไม่มีโภคสมบัติมากมายจนกระทั่งต้องสร้างยุ้งใหม่ แต่จิตใจของเขาก็จดจ่อกับทรัพย์สมบัติของโลกจนเขาไม่มีเวลาเพื่อเอาใจใส่เรื่องวิญญาณของเขา ซึ่งเราจะทราบว่ามันสำคัญมากก็สายไปเสียแล้ว ที่จริงการจากโลกนี้ไปไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว นอกจากว่าเขาเตรียมตัวไม่พร้อมเท่านั้น เขาเคยได้ยินพูดถึงโลกหน้าบ่อย ๆ แต่เขาไม่เคยสนใจ และคิดว่ายังมีเวลาอีกมากมายที่จะจัดการกับชีวิตของเขา นี่แหละเป็นโศกนาฏกรรมของชายหญิงที่โฉดเขลาจำนวนมากในอดีต และคงจะเป็นเช่นนี้ในอนาคตด้วย และอาจจะเป็นหายนะของเราด้วย ถ้าหากเราไม่ระวังตัวและปล่อยตัวตามความหลอกลวงของโลก เราจะต้องระลึกไว้เสมอว่า เราจะต้องไม่ประสบชะตากรรมของเศรษฐีที่โง่เขลาในนิทานเปรียบเทียบนั้น
|