พวกฟาริสีเป็นพวกที่สบประมาทคนบาปและคนเก็บภาษี ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นคนบาปอย่างเปิดเผย เพราะพวกเขาเป็นเครื่องมือของพวกโรมัน รีด
นาทาเร้นเพื่อนร่วมชาติยิวด้วยกัน แต่พวกคนบาปนี้แหละเป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงเหลียวแล พระเยซูคริสตเจ้าเคยตรัสไว้อย่างเปิดเผยว่าพระองค์เสด็จมาเพื่อ
คนบาป พวกเขาถือบัญญัติของโมเสส แม้ว่าจะไม่ถือข้อปลีกย่อยเหมือนพวกฟาริสี พระเป็นเจ้าทรงเรียกพวกคนบาปนี่แหละให้มาทำงานในสวนองุ่นของพระอ
งค์ แต่พวกเขาได้ปฏิเสธ อย่างไรก็ดี เมื่อนักบุญยอห์น บัปติสต์ ได้ประกาศว่าพระเมสสิยาห์ที่พวกเขาได้รอคอยมาเป็นเวลาช้านานนั้นเสด็จมาถึงแล้ว และ
ท่านนักบุญก็ได้เทศน์เตือนพวกเขาให้กลับใจใช้โทษบาป พวกคนเก็บภาษีและพวกโสเภณีได้เชื่อและถือตามคำพูดของนักบุญยอห์น บัปติสต์ ได้เสียใจเพราะบาปของตน และได้สมัครใจติดตามพระเยซูคริสตเจ้า
ตรงกันข้าม พวกฟาริสีซึ่งเปรียบเหมือนกับบุตรชายคนที่สองในนิทานเปรียบเทียบ เมือถูกสั่งให้ไปทำงานในสวนอ
งุ่นก็ตอบทันทีว่าจะไป แต่ที่สุดก็ไม่ได้ไป พวกเขาปฏิบัติตามกฏหมายของโมเสสตามตัวอักษรอย่างพิถีพิถัน แต่ว่าขาดจิตตา
รมณ์ที่จะปฏิบัติตามกฏหมายนั้น การถือกฏหมายภายนอกนั้นหาได้เป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้าไม่ แต่ว่าเพื่อจะได้เป็นที่
พอใจสำหรับตัวเองหรือเพราะความจองหองมากกว่า กล่าวคือ เพื่อจะให้คนชมเชยสรรเสริญ พระเยซูคริสตเจ้าเคยตรัสถึงพว
กฟาริสีว่า กฏหมายที่สำคัญ ๆ และที่ถือยาก พวกเขาก็ไม่ได้ถือ เช่น เรื่องความยุติธรรม ความเมตตากรุณา และศาสนกิจ แต่กลับชอบความฉ้อโกง การไม่รู้จักประมาณตน ความเทียมใจบุญ (เทียบ มธ 23:13-31)
เพราะเหตุนี้ พระเยซูคริสตเจ้าจึงได้ตรัสกับพวกเขาว่า แท้จริงเรากล่าวแก่ท่านว่า คนเก็บภาษีและพวกโสเภณีจ
ะเข้าอาณาจักรสวรรค์ก่อนพวกท่าน พระองค์ไม่ได้ตรัสว่าพระองค์ตัดพวกเขาขาดจากอาณาจักรสวรรค์ แต่เป็นเพราะพวกเขาปิดประตูของพวกเขา อาณาจักรสวรรค์ยังเปิดต้อนรับพวกเขา ถ้าหากเขาจะสุภาพทำการใช้โทษบาป แต่ว่าส่วนใหญ่ยังจะค
งดื้อดึงในความจองหอง
แม้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงมีพระประสงค์จะตำหนิความน่าซื่อใจคดของพวกฟาริสีและสภาพอันน่าสังเวชระหว่างพว
กเขากับพระเป็นเจ้า ถึงกระนั้นคำสอนของพระองค์ก็มีค่า สำหรับทุกยุคทุกสมัย การนมัสการพระเป็นเจ้าด้วยปากไม่มีคุณค่า
อะไร การเป็นคริสตังแต่ชื่อไม่ใช่เป็นการทำงานจริง ๆ (1) ในสวนองุ่นของพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้าอาจจะเรียกเราไปรายงา
นเวลาใดก็ได้ และเราจะตอบพระตุลาการที่เที่ยงธรรมได้อย่างไร เราอาจจะแก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ ที่ช่วยอะไรไม่ได้ เช่นเราต้องส
าละวนเอาใจใส่ต่อครอบครัว ต้องเอาใจใส่ต่อเรื่องปากเรื่องท้องจนกระทั่งไม่มีเวลาเอาใจใส่เรื่องวิญญาณ เราอยู่ในโลกที่เต็
มไปด้วยอบายมุขรอบด้าน เราจะเป็นคนดีได้อย่างไร เราไม่ต้องการเป็นคนแปลกกว่าคนอื่น ๆ ฯลฯ (2)
พระเป็นเจ้ายังทรงพระเมตตาต่อทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ พระองค์เชื้อเชิญทุกคนให้ไปทำงานในสวนองุ่น
ถ้าเราเคยปฏิเสธมาแล้ว เราก็ยังมีเวลาที่จะกลับตัว เรายังมีเวลาสร้างคุณงามความดีชดเชยความเหลวแหลกใ
นชีวิตที่แล้ว ๆ มา โดยพยายามปฏิบัติศาสนกิจด้วยความศรัทธาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โปรดคิดถึงคนเก็บภาษี
และคนที่เคยดำรงชีพอย่างเหลวแหลกหลายคน เช่น มัทธิว มารีอามักดาเลนา เอากูสตินโน ฯลฯ ที่พระศาส
นจักรเคารพนับถือเป็นนักบุญ และยังมีนักบุญชายหญิงมากมายที่ได้เริ่มชีวิตไม่ดี แต่ว่าได้กลับใจมารักพระเจ้าภายหลัง ถ้าหากพระเป็นเจ้าได้ทรงพระเมตตาต่อคนเหล่านั้นได้ พระองค์ก็จะบันดาลให้เราเป็นนักบุญได้เช่นกั
น
ถ้าหากว่าเราได้ต้อนรับการเชื้อเชิญจากพระเป็นเจ้าให้ทำงานในสวนองุ่น สมัครใจรับศีลล้างบาป และกลายเป็นส
มาชิกของพระศาสนจักร แต่ในภายหลัง (1) เรารู้สึกใจเย็นใจเฉยไม่มีความร้อนรนเหมือนตอนแรกๆ เพื่อทำงานที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมอบให้แก่เรา เรายังมีเวลาที่จะกลับใจและเริ่มงานอย่างดี
ขอให้เราพิจารณามโนธรรมต่อหน้าพระเป็นเจ้าว่าในอดีตเราได้ใช้เวลามากน้อยเพียงไรทำงานเพื่อพร
ะเป็นเจ้า และถ้าหากในขณะนี้เราจะต้องให้การต่อหน้าพระเป็นเจ้า ให้เราพิจารณาดูเสียว่าผลงานของเราเป็น
อย่างไร องุ่นของเราผลิดอกออกผลเท่าที่ควรหรือไม่ หรือว่าสวนองุ่นเต็มไปด้วยกอหนาม องุ่นนั้นก็กำลังเฉาแล
ะเหี่ยวลง ถ้าหากว่าสวนองุ่นของเรายังรกอยู่ ขอให้เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ได้ทรงประทานเวลาให้เราสา
มารถจัดการถางหญ้าร้ายและพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ต้นองุ่น และดังนี้ เมื่อพระองค์จะเรียกเราให้ไปรายงานเกี่ยวกับกิจการงานของเราก็จะเข้าไปหาพระองค์ด้วยความไว้วางใจ และด้วยความหวัง เพราะเราได้ทำหน้าที่ที่พระสง
ฆ์ทรงมอบหมายอย่างดีแล้ว
|