สัมภาษณ์โดย : แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

เมื่อกลางเดือน พฤษภาคม( 15 พฤษภาคม ค.ศ.  2010 ) ที่ผ่านมาทางแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ขอสัมภาษณ์พิเศษกับครอบครัวของ “พระสงฆ์ใหม่ปี 2010” เป็นครอบครัวเล็ก ๆ อยู่ในชุมชน “วัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนัง “  ครอบครัวนี้ ประกอบด้วย บิดาชื่อ นาย พัฒพิบูลย์ จิระสุนทรชัย ( และเปลี่ยนมาใช้ นาย มีชัย  หลิวสิริ ) ส่วนมารดา ชื่อ สุนีย์ ( พมิสา  จิระสุนทรชัย ) เดิมก่อนมาใช้ชีวิตที่บางเชือกหนังแห่งนี้ สมัยวัยเยาว์ เป็นสัตบุรุษที่จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันหลังจากแต่งงาน จึงได้มองหาที่ใกล้วัด และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ที่วัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร แห่งนี้

คุณแม่ อิมมากูเร็ต ภมิษา  จิรสุนทรชัย เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า “  ครอบครัวเล็ก  ๆ สอนลูกในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง  ตั้งใจอยากให้ลูกเป็นคริสตชนที่ศรัทธา เพราะตัวเองก็เคยใกล้ชีวิตกับพระ ประกอบกับสมัยเด็กคุณแม่ก็ได้รับปลูกฝังเรื่องความศรัทธา พอมาใช้ชีวิตครอบครัว  พ่อบ้านก็มาหาบ้านใกล้ ๆ วัด สมัยก่อน เพื่อจะได้มีโอกาสเข้าวัด ในตอนเด็ก ๆ สอนลูกก็มีการตีสอนบ้าง แต่โตมาก็ใช้เหตุผล  ปกติเป็นเด็กเรียบร้อย มีลูกทั้งหมด 3 คน อายุก็ไล่ๆ ตามกัน วิธีการสอนก็คล้าย ๆ กัน

ส่วนคุณพ่อเปาโล  มีชัย หลิวสิริ เล่าให้ฟังว่า ลูกชายสามคน อายุไล่เลี่ยกัน “บราเดอร์สุพัฒน์ ลูกคนโต จะซนที่สุด ก็มีการเกเรกันบ้างสมัยเด็ก ๆ ในหมู่พี่น้อง แต่ก็มีวิธีการบอกการสอน จนผมเองดูว่าโตขึ้น เขาไม่เคยทะเลาะกันเลย  แต่ผมจะสอนเสมอว่า “ถ้าเรียกพี่ชาย ก็ต้องมีคำว่า “พี่” เสมอ แม้อายุไม่ต่างกันมากก็ตาม ต้องมีสัมมาคารวะ ต่อพี่ เรียกพี่เีรียกน้องเสมอ

 “ สำหรับลักษณะเด่นที่เห็นในตัวของบราเดอร์สุพัฒน์ ที่พ่อและแม่เห็นก็คือ พูดน้อย มีชีวิตธรรมดา การกิน การแต่งตัวธรรมดา  สุขุม พูดน้อย แต่คุยนะ เวลากลับบ้าน สงสัยก็ถามคำสองคำ ไม่ค่อยมีอะไรให้พิเศษ  เพราะเป็นครอบครัวธรรมดา  สอนให้ลูกประหยัด  ใช้ของอย่างคุ้มค่า”

ตอนลูกมาขอเข้าบ้านเณร ในฐานะเป็นลูกคนโต รู้สึกอย่างไรบ้างนั้น  “ ตอนแรกๆ อยากให้ลูกไปสัมผัสชีวิตเณร กับคณะเยสุอิต ในเวลานั้น แต่มีเหตุการณ์ ตัวร้อนซะก่อน เลยไม่ได้ไป แต่ตอนหลังเขาไปขอสมัครเป็นเณรที่บ้านเณรยอแซฟเลย  ทางบ้านมีการสนับสนุน จากอากง อาม่า สนับสนุนให้เข้าบ้านเณร “

มีคนเคยถามว่า “ให้ลูกไปอยู่บ้านเณรหมด ไม่กลัวเหรอ ว่าแก่ตัวจะใช้ชีวิตอย่างไร” ตอบว่าไม่กลัวพระเจ้าจะดูแลเอง ถ้าพระเจ้าเลือกก็เลือก  ไม่เลือกก็ไม่เป็นไร ห่วงไหม เวลาที่ลูกไปอยู่บ้านเณร  ก็ห่วงบ้างแต่ก็ฝากไว้กับแม่พระ

ถามว่าพระสงฆ์ที่ดี คิดว่าเป็นอย่างไร “แม่ก็คิดว่า น่าจะมีความพร้อมเสมอในการอภิบาล บางครั้ง ก็อาจขาดไปบ้าง คิดว่าน่าจะเข้าได้ทุกคน ไม่เลือกใคร รักได้ทุกคน  เหมือนกับพระเยซูเจ้าอีกองค์

อยากเห็นเขาเป็นพระสงฆ์อย่างไรบ้าง
อยากเห็นเขามีความสุข กับชีวิตสงฆ์ที่เขาเลือกเอง สำหรับลูกก็จะพยายามสวดให้เขา

ถามประโยคว่า ถ้าเจอหน้าอยากบอกอะไรกับเขา
ถ้าเป็นพระสงฆ์ก็ เป็นพระสงฆ์ให้ดีที่สุด ทำส่วนของเขาให้ดีที่สุด อย่าห่วงกับอนาคต และอย่าเป็นกังวลใจกับปัจจุบัน
โดยอาศัยพระหรรษทานของพระช่วยเหลือ ยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิต และขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ
“Do your best and God will the rest. Be Cheerful always.”
และจงยึดพระเป็นที่พึ่ง และถ่อนตนอยู่เสมอ

หลังบทสัมภาษณ์จบลง ทางทีมงานได้เห็นทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตาแห่งความตื้นตัน รวมทั้งยังได้เห็น ความรักความผูกพันในครอบครัวเล็ก ๆ ที่แสนจะธรรมดา ของครอบครัวธรรมดา ที่มอบลูกให้พระเจ้าดูแล แล้วก็พูดเสมอว่า “แล้วแต่น้ำพระทัยของพระเจ้า” โอกาสนี้จึงขอทุกท่านได้ภาวนาเป็นพิเศษ สำหรับพระสงฆ์ใหม่ องค์นี้ “บราเดอร์ สุพัฒน์ หลิวสิริ” ลูกชายคนโตของครอบครัวแต่เป็นน้องคนเล็กของครอบครัวสงฆ์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ฝากภาวนาเป็นพิเศษค่ะ