บทสัมภาษณ์.... แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  สัมภาษณ์โดย..พชรดนย์ ศรีนวรัตน์

  สัมภาาษณ์พิเศษ     | 56 K

ในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงพระกรุณาอนุมัติการลาเกษียณของพระคุณเจ้า และทรงแต่งตั้งพระสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนนั้น พระคุณเจ้าคิดว่า โอกาสนี้มีความสำคัญอย่างไรกับสัตบุรุษของอัครสังฆณฑลกรุงเทพฯบ้างครับ

ก่อนอื่นให้พวกเราเข้าใจด้วยว่า กฎหมายของพระศาสนจักรมาตรา 401 ข้อที่ 1 มีระบุไว้ว่า ในบรรดาพระสังฆราชทั้งหลายของพระศาสนจักรคาทอลิกในโลก เมื่อมีอายุถึง 75 ปี แล้ว มีสิทธิที่จะเสนอใบลาต่อพระสันตะปาปาให้ทรงพิจารณา ในเรื่องของส่วนตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะนั้นมีอายุถึง 78 ปี ก็เห็นว่าสมควร หลังจากได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่แล้ว จึงได้ทำหนังสือต่อองค์สมเด็จพระสันตะปาปาแจ้งพระองค์ให้ทราบว่า บัดนี้ขออนุญาตให้พระองค์ทรงพิจารณา ว่าถึงเวลาจะพ้นจากความรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครอง หรือพระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ หรือยัง ก็ได้รอคอยมาเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2009 ที่แล้วมานี้ พระองค์ก็ได้ทรงพระกรุณาอนุญาตและประกาศอย่างเป็นทางการว่า ให้พ้นจากหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะพระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้ และในเวลาเดียวกันได้ทรงพระกรุณาแต่งตั้งพระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เป็นผู้สืบตำแหน่งต่อมา

ความรู้สึกของพระคุณเจ้า ในวันที่ตัดสินใจเขียนใบลาออก เป็นอย่างไรบ้างครับ

ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของพระศาสนจักร และในฐานะที่อยู่ในระบบการบริหารของพระศาสนจักร เมื่อมีข้อกำหนดดังกล่าวนี้ ก็เห็นว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสมแล้ว ที่จะได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ถามว่า มีความรู้สึกอย่างไร มีความรู้สึกว่า ปฏิบัติตามข้อกำหนดและ ระเบียบซึ่งพระศาสนจักรได้วางไว้  รู้สึกไม่ได้ตื่นเต้น รู้สึกไม่ได้เสียดาย และ รู้สึกพร้อมจะพ้นจากความรับผิดชอบที่พระเป็นเจ้ามอบหมาย พระศาสนจักรมอบหมายให้ด้วยความเต็มใจ

ความรู้สึกของวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างครับ

หลังจากมีหนังสือไปถึงองค์สมเด็จพระสันตะปาปาดังกล่าว ก็รอคอยเรื่อยมา และ รู้สึกว่าเวลานานพอสมควร ก็คิดว่า วันหนึ่งพระองค์จะทรงพระกรุณาอนุญาตให้พ้นจากตำแหน่งได้ เมื่อถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2009ได้รับหนังสือแจ้งผ่านทางพระสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร รู้สึกว่าดีใจหรือเปล่า ส่วนหนึ่งก็รู้สึกดีใจ ที่องค์สมเด็จพระสันตะปาปามีพระทัยดีได้โปรดอนุญาตให้พ้นจากหน้าที่ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกในใจบ้างนิด ๆ ว่า จะมีผู้ใดจะมารับตำแหน่งนี้แทน นึกว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เมื่อพระสันตะปาปา ได้ทรงแต่งตั้งพระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ ทันทีก็รู้สึกสบายใจขึ้น

แสดงว่า ปกติไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่ทันทีหลังจากที่มีการอนุมัติการเกษียณแล้วใช่ไหมครับ

ถูกต้อง ในอดีตและเชื่อว่าในอนาคต เมื่อพระสังฆราช ท่านใดท่านหนึ่งพ้นหน้าที่ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม จะมีการเลือก คิดพิจาณา แต่งตั้งผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นมา อาจเป็นพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่ง ให้มาอภิเษกให้มาดำรง สืบทอดแทนแต่ในบางขณะบางแห่ง พระศาสนจักรก็ได้แต่งตั้งพระสังฆราชจากที่ใดที่หนึ่งให้มารับหน้าที่นี้แทน ครั้งนี้ พระสันตะปาปาได้ทรงแต่งตั้งพระสังฆราชให้มารับตำแหน่งนี้ โดยทันที

ความรู้สึกของพระคุณเจ้า เมื่อ 36 ปีที่แล้ว ของวันแรกที่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นพระอัครสังฆราช กับ วันสุดท้ายที่ได้รับการอนุมัติลาเกษียณ แตกต่างหรือ เหมือนกันอย่างไรบ้างครับ

เมื่อ 36 ปีที่แล้วเมื่อได้รับการทาบทามให้มารับตำแหน่งนี้ รู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกหนักใจเป็นค่อนข้างมาก แต่ในเมื่อผู้ใหญ่ของพระศาสนจักร และพระสงฆ์ของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้แสดงออกอยากให้ถือตามพระประสงค์น้ำพระทัยของพระเจ้า จึงได้น้อมรับ การเรียกและการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปาในขณะนั้น และได้รับการอภิเษก เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1973 เมื่อ 36 ปีที่แล้ว ความรู้สึกในขณะนั้น เบื้องต้นครั้งแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ มีความหนักใจ กังวลใจ แต่ในเวลาเดียวกัน หวังว่าพระเป็นเจ้าซึ่งมีน้ำพระทัยดี และทุกคน ๆ จะพร้อมใจกันในการดำเนินงานของพระศาสนจักร ก็เป็นเครื่องบรรเทาใจ และเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2009 ได้รับอนุญาตให้พ้นจากหน้าที่นี้ได้ ก็รู้สึกดีใจ เช่นเดียวกันขอบคุณพระเป็นเจ้า พระสันตะปาปาด้วย และขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคนที่ให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมา

เป็นที่ทราบกันว่า ตลอดระยะเวลา36 ปี ที่พระคุณเจ้าได้ทำหน้าที่เป็นนายชุมพาบาลที่ดีของอัครสังฆมณฑลนั้น ถือว่าเป็นระยะเวลายาวนานมาก แน่นอนว่า มีทั้งเรื่องหนักใจ เรื่องที่ดีใจ เรื่องต่าง ๆ มากมาย พระคุณเจ้าได้ผ่านพ้น เรื่องต่าง ๆ นั้นได้อย่างไรครับ

นับตั้งแต่ได้รับหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารงานของพระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งกรุงเทพฯ นี้ นับเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร เมื่อมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อกิจการงานของพระศาสนจักรดังกล่าวนี้ ย่อมมีความกังวลใจ และหนักใจอยู่เหมือนกัน อันสืบเนื่องว่า จะไม่สามารถให้การดำเนินงานของพระศาสนจักรดำเนินไปดีเท่าที่ควร  แต่ด้วยความไว้วางใจในพระพรของพระเป็นเจ้า ก็เชื่อมั่นว่า จะบริหารงานได้ตามสมควร ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง บกพร่องบ้าง ละเลยไปบ้าง ก็เป็นวิสัยธรรมดา สำหรับทุกคนและทุกกิจการ แต่อย่างไรก็ตามด้วยพระพรของพระ ก็ได้ช่วยให้สามารถดำเนินกิจการมาจนถึงวาระที่พระสันตะปาปาทรงอนุญาตมาถึงวันที่ 14 พฤษภาคมที่แล้ว

ความหนักใจในการทำงาน เป็น ด้านใดบ้างครับ

ข้อแรก ความกังวลใจ ความหนักใจ เมื่อไตร่ตรองตัวเองแล้ว เข้าใจตัวเองอย่างดีว่า ความสามารถ หรือ พละกำลังก็ดี ก็คงไม่สามารถดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามหน้าที่ และความรับผิดชอบได้ดีเท่าที่ควร

ข้อสอง ภาวะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา 36 ปีนี้ มีสิ่งที่บ่งบอกในทางที่ดีที่เป็นกำลังใจให้เป็นพลังให้เดินหน้าต่อไป แต่เวลาเดียวกัน มีเหตุการณ์ ภายนอก บ้านเมือง สังคม ก็ทำให้วิตกกังวลไปด้วย ทำให้กิจการงาน และพันธกิจต่าง ๆ อาจมีผลกระทบไม่สามารถดำเนินไปได้ผลตามที่ควรจะต้องเป็น

ความสุขที่ได้รับจากการเป็นผู้นำเป็นอย่างไรบ้างครับ

ความสุขในฐานะที่ทำหน้าที่พระสังฆราชแห่งกรุงเทพฯนี้ เมื่อน้อมรับตามน้ำพระทัยของพระเป็นจ้า และมอบทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในพระพรของพระเจ้า ก่อให้เกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นในพันธกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ และในเวลาเดียวกัน ก็หวังในพระเมตตาของพระเป็นเจ้าให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า และเพื่อเป็นพระเกียรติมงคลของพระองค์ในพระศาสนจักรแห่งนี้ เป็นความสุขใจหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า เป็นความยินดี และพระเป็นเจ้าโปรดประทานพละกำลังให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ และพระองค์ก็ได้ทรงโปรดให้ทำหน้าที่ได้จนมาถึง 36 ปีดังกล่าวนี้ด้วย

จากประสบการณ์การทำงาน  การอภิบาล และการแพร่ธรรมของพระคุณเจ้านั้น มีความสอดคล้องกับคติพจน์ของพระคุณเจ้าที่ว่า “ผ่านกางเขน สู่ความสว่าง” อย่างไรบ้างครับ

 

ทุกคนต้องยอมรับว่า ชีวิตของแต่ละคน ต้องเดินทางไปสู่ข้างหน้า การเดินทางต้องเผชิญกับภาวะต่าง ๆ ทั้งดี และไม่ดี ถือเป็นคติว่าเป็นสิ่งธรรมดา เป็นสิ่งที่ท้าทายเรา เป็นความพยายามที่จะสามารถพ้นผ่านวิกฤตการณ์ หรือการท้าทายนั้นให้ได้ แต่ไม่ใช่กำลังของตนเอง เราเชื่อมั่นว่า เราเป็นแต่เพียงเครื่องมือ ที่พระเป็นเจ้าทรงโปรดให้ เมื่อพระเป็นเจ้าพอพระทัยก็จะสามารถทำให้เราสามารถปฏิบัติกิจการทั้งหลายนั้นไปด้วยดี

สำหรับอนาคตของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่มีผู้นำองค์ใหม่คือพระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช นั้นพระคุณเจ้ามองอนาคตของสังฆมณฑลอย่างไรครับ

เราเชื่อในพระสัญญาที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่กับพระศาสนจักรบนโลกนี้ตลอดไป” ก็เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงถือพระสัญญานั้น จะเป็นใครก็ตามทำหน้าที่ที่พระองค์มอบหมายให้ พระศาสนจักรก็เดินหน้าต่อไป ในเวลาเดียวกันเมื่ออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้รับนายชุมพาบาลองค์ใหม่นี้ ซึ่งมีชื่อว่า พระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิชนั้น ท่านไม่ใช่ใครคนอื่น ท่านเป็นพระสงฆ์ของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ท่านได้รู้จักกิจการงานของอัครสังฆมณฑล ท่านได้ร่วมงานกับองค์กรต่าง ๆ ในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ท่านได้ร่วมงานกับสภาพระสังฆราช ในประเทศไทยยาวนานพอสมควร รวมทั้งท่านได้ทำหน้าที่สำคัญเป็นอธิการของบ้านเณรแสงธรรมเป็นระยะเวลาพอสมควร รวมทั้งท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชสังฆมณฑลนครสวรรค์ ประสบการณ์ต่าง ๆ หน้าที่ต่าง ๆ และความสามารถต่าง ๆของท่านก็เป็นที่รู้จัก แจ้งชัด จึงมั่นใจว่า ด้วยพระพรของพระท่านสามารถจะนำพาทำหน้าที่ได้อย่างดี และทำให้อัครสังฆมณฑลกรุงเทพของเรา เจริญ ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น

โดยส่วนตัวของพระคุณเจ้า มีความประทับใจในความสามารถ หรือบุคลิกลักษณะของพระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ด้านใดบ้างครับ

ก็ต้องบอกว่า พระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ เราก็รู้จักท่าน เราได้ส่งเสริมท่านให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น ให้ท่านได้รับหน้าที่ต่าง ๆในกิจการงานของพระศาสนจักรมา เป็นเวลายาวนาน ท่านมีความสามารถ ท่านมีความรู้ ท่านมีจิตใจมุ่งมั่นที่จะรับใช้พระเป็นเจ้า และพระศาสนจักร ฉะนั้นไม่มีข้อสงสัยในจิตใจอย่างใดในตัวพระคุณเจ้า ท่านก็รักพระศาสนจักร ท่านรักอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นว่า “ท่านจะทุ่มเท ใช้ความพยายามโดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และกิจการของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จะดำเนินไปด้วยดี

พระคุณเจ้าอยากเห็นประมุของค์ใหม่ สานต่องานด้านใดที่พระคุณเจ้าได้ทำไว้แล้วบ้างครับ

เชื่อแน่ว่า บรรดาพระสังฆราชทุกคนย่อมรู้หน้าที่ของตน ว่าตนมีหน้าที่อะไรบ้าง โดยกว้าง ๆ  ท่านเป็นประมุขในฐานะนายชุมพาบาล ท่านจะใส่ใจดูแลบรรดาลูกแกะของตนในทุกด้าน ด้านชีวิตคริสตชน พระคุณเจ้าทั้งหลายจะหาวิธีการต่าง ๆ ให้คริสตชนทุกหมู่เหล่า ได้พัฒนามีความเชื่อ ความศรัทธา และเป็นประจักษ์พยานให้กับพระเป็นเจ้าบนโลกนี้ ด้วยกิจการงานในชีวิตของตน และมีส่วนช่วยร่วมมือในงานของพระศาสนจักรมากขึ้นในกิจการต่าง ๆ  พระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ ท่านได้เคยผ่าน กิจการเหล่านี้มา เชื่อมั่นว่า จากประสบการณ์ที่ท่านมี จากความรู้ที่ท่านสะสมไว้ เชื่อว่า พระคุณเจ้าจะได้เดินหน้าต่อไป และช่วยให้กิจการเหล่านั้น ได้พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้น เราเชื่อมั่นเช่นนั้น

หลังจากพระคุณเจ้าได้ลาเกษียณและทำพิธีส่งมอบอำนาจอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น พระคุณเจ้าต้องไปพักที่ไหนครับ

หลังจากที่ได้ส่งมอบอย่างเป็นทางการ การปกครอง การดูแลอัครสังฆมณฑลต่อพระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ ซึ่งจะกระทำในวันที่ 16 สิงหาคม 2009 ที่จะถึงนั้น อัครสังฆมณฑลได้มีหลักการ หลักเกณฑ์ว่า หลังจากพ้นจากหน้าที่แล้ว สังฆมณฑลได้จัดที่พักไว้ที่บ้านผู้หว่าน ที่สามพราน เราก็ตั้งใจว่าจะไปพัก และดำเนินชีวิตต่อไปที่นั่น ตั้งแต่วันที่เราได้รับอภิเษกเป็นพระอัครสังฆราชกรุงเทพฯ เราก็ได้พูดต่อที่ประชุมอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯให้ทราบโดยทั่วกันว่า เราจะไม่ขอสิทธิพิเศษใด ๆ จากสังฆมณฑล เราสำนึกในพระคุณที่สังฆมณฑลที่มีต่อเรามาโดยตลอด ได้รับการดูแลเมื่อเป็นเณร เมื่อเป็นพระสงฆ์ และได้รับความร่วมมือตลอดระยะเวลาที่เป็นพระสังฆราช เพราะฉะนั้นเราก็ตั้งใจที่จะไปพักและทำกิจการบางสิ่งบางอย่างที่เราจะทำให้อนาคตต่อไป

ลูก ๆ ในอัครสังฆมณฑลจะมีโอกาสได้พบกับพระคุณเจ้าบ้างหรือเปล่าครับ

คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกคนถ้าปรารถนาที่จะไปพบ ไปคุย ไปสนทนา ก็ยินดีต้อนรับเสมอ ยังประทับใจ สมาชิกในพระศาสนจักรอยากจะไปพบไปคุยด้วย ก็ถือว่า เป็นน้ำใจอันดี เราต้องขอบใจเป็นอย่างมาก หวังว่า ความคิดถึง คำภาวนาที่จะมีต่อกันในอนาคต เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นที่ประทับใจมาก ๆ

พระคุณเจ้ามีความตั้งใจ และมีความปรารถนาอะไรเป็นพิเศษ ที่จะทำหลังจากเกษียณ บ้างครับ

ในเมื่อได้รับอนุญาตให้พ้นจากภาระหน้าที่นี้แล้ว ความปรารถนาในฐานะที่เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ก็หวังว่าจะเห็นพระศาสนจักรของเราได้พัฒนา ได้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ได้เห็นบรรดาพี่น้องคริสตชนได้ก้าวหน้าในชีวิตในโลกนี้ทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตใจด้วยรวมทั้งตามที่เราภาวนาอยู่บ่อย ๆ ต่อพระเป็นเจ้า ได้โปรดให้บุญราศี บุญเกิด กฤษบำรุง ได้รับการยกย่อง ได้รับเกียรติเป็นนักบุญ นั่นเป็นความปรารถนาที่จะเห็น ว่าสักวันหนึ่งพระศาสนจักรในประเทศไทย โดยเฉพาะอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯของเรานี้จะได้มีนักบุญเป็นตัวอย่าง เป็นที่พึ่งของเราอย่างเป็นทางการ

สำหรับพระสมณศักดิ์พระคาร์ดินัล หลังจากที่พ้นจากหน้าที่พระอัครสังฆราชแล้ว ต้องทำหน้าที่อย่างไรครับ

ต้องแยกกัน สองประการ ตำแหน่งพระอัครสังฆราชเป็นตำแหน่งสำคัญ เป็นตำแหน่งที่ผูกพันกับหน้าที่ ที่มีต่อพระศาสนจักรซึ่งตนปกครองอย่างแน่นแฟ้น เป็นหนึ่งเดียว ส่วนตำแหน่งคาร์ดินัลนั้น เป็นตำแหน่งยศอย่างหนึ่ง ที่จะดำรงต่อไป ในกรณีส่วนตัว ตำแหน่งพระอัครสังฆราช ยังคงเป็นอยู่ เพราะได้รับการอภิเษกเป็นพระสังฆราชอย่างถูกต้องและชอบธรรม เพียงแต่พ้นจากหน้าที่ ความรับผิดชอบในฐานะประมุขของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เท่านั้น ส่วนตำแหน่งคาร์ดินัล ยังคงดำรงอยู่ติดกับตัว

โอกาสนี้ พระคุณเจ้าอยากจะฝากอะไรถึงพระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษบ้างครับ

หลังจากที่ได้มอบหมายตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้กับพระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ ในวันที่ 16 สิงหาคมที่จะถึงนี้ สิ่งที่อยากจะบอกกับพี่น้อง สมาชิกของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยทั่วหน้าคือ ให้เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ได้ทรงโปรดประทานนายชุมพาบาลคนใหม่ให้กับเรา อยากจะบอกว่าขอบใจอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่ได้ให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา รวมทั้งขอบใจบรรดาพระสงฆ์ นักบวช และคริสตชนทั่วหน้าทุกคน น้ำใจดี ความปรารถนาดีที่พี่น้องมีต่อผู้ซึ่งกำลังจะจากไปนั้น โปรดได้รับการขอบใจอย่างแท้จริง และขอพระเป็นเจ้าโปรดอำนวยพระพรแก่อัครสังฆมณฑลของเราและแก่บรรดาสมาชิกของพระศาสนจักรทุกคนมากขึ้น และขอให้ทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมีความเป็นเอกภาพในพระศาสนจักร และร่วมมือกับพระสังฆราชผู้สืบตำแหน่งองค์ใหม่นี้มากยิ่ง ๆ ขึ้น

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2010