ฯพณฯ พระอัครสังฆราช ยอแซฟ ยวง นิตโย  (ประมุของค์แรก )
อดีตประมุขมิสซัง แห่ง อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 1965 - 1976


ที่มา : จากหนังสือผู้หว่าน
พระอัครสังฆราช ยอแซฟ ยวง นิตโย


ตั้งแต่เกิด - จนถึงเข้าบ้านเณรเล็ก
พระคุณเจ้า ยอแซฟ ยวง นิตโย มีชื่อเดิมว่า “เคียมสูน” เกิดวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1908 เป็นบุตรคนที่ 3 ของโทมัส ฟุ้ง โอภาสบุตร ( เคยเป็นเณร ) และอันนา กิมกี่ นิตโย มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน มีพี่สาว 1 คน พี่ชาย 1 คน และน้องชาย 1 คน ครอบครัวของท่านตั้งบ้านเรือนอยู่ที่คลอง 12 อำเภอ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นสัตบุรุษวัดพระวิสุทธิวงส์ ( ลำไทร ) บิดามารดามีอาชีพเป็นนายทุนทำนา

เมื่ออายุได้ 3 ขวบ มารดาถึงแำก่กรรม บิดาจึงส่งไปอยู่กับก๋งที่ปากลัด สมุทรปราการ  จนกระทั่งอายุได้ 5 ขวบ ประมาณปี ค.ศ. 1913 ทั้งสี่พี่น้องจึงย้ายมาเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนซางตาครู้ส คอนแวนต์ ธนบุรี ซึ่งเวลานั้นตัีั้งอยู่ริมแม่น้ำ ( ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ รร .ซางตาครู้ส ศึกษา ) ได้เรียนที่โรงเรียนซางตาครู้ส เป็นเวลา 6 ปี ( 1913- 1919 ) จึงกลับไปอยู่วกับบิดาที่ลำไทร

เนื่องจากทางบ้านเป็นนายทุนทำนา จึงมีลูกจ้างเป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอีสาน การใช้ชีวิตอยุ่กับชาวอีสานเป็นประจำทำให้ท่านรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีและสามารถพูดภาษาอีสานได้เป็นอย่างดี และรู้่จักการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ ตั้งแต่ในวัยเด็ก

เข้าบ้านเณรเล็ก

ปี ค.ศ. 1922 คุณพ่อยัง บัปติสต์ ฟูยาต์ เจ้าอาวาสวัดลำไทร ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสแทนคุณพ่อดือรังส์ซึ่งกลับไปพักผ่อนที่ฝรั่งเศส ได้ส่ง ด.ช. เคียมสูน เข้าบ้านเณร บางนกแขวก ( บ้านเณรบางช้าง ) โดยมีคุณพ่อเฟรเดอริก ( อุ่น ) จิตต์ชอบค้า ปลัดวัดลำไทร และครูเณรฮั้ว ( คุณพ่อสิรินทร์ หัวใจ ) เป็นผู้สนับสนุน

เมื่อจบการศึกษาหลักสูตร 8 ปี ของบ้านเณรบางนกแขวกปลายปี ค.ศ.1929 ได้ถูกส่งไปเป็นครูคำสอนเรียนที่วัดนักบุญฟิลิป และยาก๊อบ หัวไผ่ ชลบุรี ซึ่งมีคุณพ่อยาโกเบ แจง เกิดสว่าง เป็นเจ้าอาวาส

การศึกษา และ ชีวิตสงฆ์

ปี 1930

เดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโปรปากันดา ฟีเด กรุงโรม

ปี 1935

ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ วันที่ 21 ธันวาคม  จากพระคาร์ดินัลเปโตร อากายาเนียน ได้ถวายมิสซาแรกที่วัดนักบุญเปาโล นอกกำแพงกรุงโรม

ปี 1936

ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร สามพราน

ปี 1937

ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอัสสัมชัญ บางรัก
ในช่วงที่เกิดกรณีพิพาทอินโดจีน พระสังฆราชเรอเน แปร์ รอส ได้ส่งท่านไปรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปดตร สามพราน

ปี 1941

 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร สามพราน

ปี 1942 ถึงปี 1947

ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร สามพราน

ปี 1948 -1951

 ได้ดำรงตำแหน่งเลขานุการของพระสังฆราชหลุยส์ โชแรง 

ปี 1951

ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเซนต์แอนโทนี แปดริ้ว มีคุณพ่อการิเอ เป็นเจ้าอาวาส

ช่วงนี้ท่านได้มีเวลาแปลและเรียบเรียงหนังสือต่าง ๆ จากภาษาฝรั่งเศส และภาษาอิตาเลียน เป็นภาษาไทยเช่นหนังสืออธิบายคำสอนคาทอลิก 3 เล่มชุด หนังสือเตรียมเผชิญความตาย หนังสือจำลองแบบพระคริสต์ หนังสือรำพึงจิตภาวนา 2 เล่มชุด หนังสือคู่มือศีลกล่าว หนังสืออาหารทิพย์ประจำวัน 2 เล่มชุด และหนังสือบทภาวนาเล็ก ๆ ฉบับปรับปรุงใหม่ ฯลฯ โดยใช้นามปากกว่า “ผู้หว่าน” ไม่เีคยใช้นามจริงเลย

ปี 1953

ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนคุณพ่ออังตวน เดชังป์ เจ้าอาวาสวัดนักบุญเปโตร ซึ่งลากลับไปพักผ่อนที่ฝรั่งเศส

ปี 1953

มิสซังท่าแร่ - หนองแสง ได้แยกออกเป็น 3 มิสซัง  ตำแหน่งอธิการบ้านเณรว่างลง
 

ปี 1953  - ปี 1963
วันที่ 4 สิงหาคม

คุณพ่อเคียมสูน ได้รับเลือกและแต่งตัี้งให้เป็นอธิการบ้านเณร จนถึงเดือนกันยายน

ปี 1960

ฉลองหิรัญสมโภช 25 ปี แห่งการบวชเป็นพระสงฆ์

วันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1962

สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ที่ 23 ทรงพระกรุณาประทานสมณศักดิ์ “Cubiculariusintimus supranumerum” แก่คุณพ่อเคียมสูน นิตโย คุณพ่อวิลเลียม ตัน และคุณพ่อดาเนียล ะานี วงศ์พานิช นับเป็นเกียติอย่างสูงและทำให้ผู้ที่ได้รับสมณศักดิ์นี้มีสิทธิ์ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “มอนซินญอเร” ( Monsignore ) ได้รับมอบ “บัตรสมณศักดิ์” เมื่อวันจัทนทร์ที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ.1962 จากพระคุณเจ้าหลุยส์ โชแรง ต่อหน้าที่ปรึกษาของมิสซัง
 

วันที่ 13 กัยยายนค.ศ. 1963

 สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงแต่งตั้งให้มอนซินญอเรยอแซฟ ยวง ( เคียมสูน ) นิตโย เป็นพระสังฆราชผู้ช่วย มีสิทธิ์สืบตำแหน่งต่อจากพระสังฆราชหลุยส์ โชแรง

วันที่ 12 ตุลาคม ปี  1963 

พระคุณเจ้ายวง ได้เดินทางไปรับการอภิเษกที่กรุงโรม

วันที่ 20 ตุลาคม ปี 1963

ได้รับการอภิเษกจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโล ที่ 6 พร้อมกับพระสงฆ์ประเทศต่างๆ อีก 14 องค์

วันที่ 9 กุมภาพันธ์

ได้มีพิธีฉลองอย่างเป็นทางการที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก ในเวลา 16.00 น. โดยพระคุณเจ้ายวง ได้ประกอบพิธีบูชามิสซาอย่างสง่า

ปี 1964

ได้ก่อสร้างบ้านเณรนักบุญยอแซฟ และได้มีพิธีเสก และวางศิลาฤกษ์วันที่ 3 มกราคม ค.ศ.1965 โดยมีคุณพ่อฟรังซิสเซเีวียร์ ทองดี กฤษเจริญ เป็นอธิการองค์แรก

วันที่ 29 เมษายน 1965

พระคุณเจ้าหลุยส์ โชแรง ถึงแก่มรณภาพ  พระคุณเจ้า ยวง นิตโย จึงได้ดำรงตำแหน่งประมุข มิสซังกรุงเทพฯ สืบแทนต่อมา และดำรงตำแหน่งพระสังฆราชเกียรตินามแห่งอบบา ( Obba ) ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1963 จนถึง 18 ธันวาคม ค.ศ. 1965

สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโล ที่ 6 ได้ทรงสถาปนาพระฐานานุกรมศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 1965 สำหรับมิสซังกรุงเทพฯ ได้รับการยกฐานะเป็นอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และประมุขมิสซังก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราชของอัครสังฆมณฑลด้วย

วันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1966

 พระคุณเจ้าได้ประกอบพิธีเสกสามเณราลัยนักบุญยอแซฟอย่างสง่า และเปิดเป็นทางการ มีสัตบุรุษกว่า 10,000 คนมาร่วมในพิธีนี้

วันพุธที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1966

เวลา 17.00 น.  ได้มีพิธีสถาปนาพระอัครสังฆราช ยวง นิตโย และอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  อย่างเป็นทางการ  ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก โดยมี ฯพณฯ อันเยโล เปโดรนี พระสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธี พระอัครสังฆราชยวงถวายมหาบูชามิสซาร่วมกับพระสังฆราชทุกองค์ในประเทศไทย  ท่ามกลางบรรดาพระสงฆ์, ผู้แทนคณะนักบวช, ผู้แทนคณะกิจการคาทอลิก และสัตบุรุษจากวัดต่างๆ ม าร่วมพิธีกันอย่างเนืองแน่น หลังมิสซาพระสมณทูตอ่านสารตราตั้งสถาปนาพระฐานานุกรมในประเทศไทย แล้วเชิญพระอัครสังฆราชยวง นิตโย ขึ้นนั่งบัลลังก์ ต่อจากนั้นบรรดาพระสงฆ์, ผู้แทนคณะนักบวชต่างๆ ,คณะกิจการคาทอลิกและสัตบุรุษ เข้ามาแสดงความคาระต่อท่าน ในพิธีนี้ยังได้มีการมอบรถยนต์ 1 คัน เป็นของขวัญแด่พระอัครสังฆราชยวงด้วยหลังพิธีมีการเลี้ยงฉลองแสดงความยินดีบริเวณอัสสัมชัญ

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967

กรุงโรมประกาศตั้งสังฆมณฑลนครสวรรค์ โดยแยก 12 จังหวัดออกจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และแต่งตั้งคุณพ่อมีแชล ลังเยร์เจ้าอาวาสวัดเซนต์หลุยส์ เป็นประมุขสัง ฆมณฑลนครสวรรค์ พระคุณเจ้ายวงได้เป็นผู้อภิเษกคุณพ่อลังเยร์เป็นพระสังฆราช ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1967

ได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชผู้ช่วย

ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ.1963 สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ทรงโปรดแต่งตั้งมอนซินญอเร  ยอแซฟ เคียมสูน นิตโย เป็นพระสังฆราชผู้ช่วย และมีสิทธิ์สืบตำแหน่งประมุขมิสซังกรุงเทพฯ ต่อจากพระสังฆราชหลุยส์ โชแรง ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.1963 ยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้ออกเดินทางไปรับการอภิเษกที่กรุงโรม โดยเดินทางไปพร้อมกับสามเณร 2 คน ที่เดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโปรปากันดา ฟีเด คือ สามเณรยอแซฟ ประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย แห่งมิสซังกรุงเทพฯ และสามเณรยวงบัปติสตา เพิ่มศักดิ์  เสรีรักษ์ แห่งมิสซังจันทบุรี ในวันนั้นมีผู้ไปส่งอย่างคับคั่ง อาทิเช่น พระสมณทูตยอห์น กอร์ดอน  พะสังฆราชสงวน เพื่อนพระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษจากวัดต่างๆ

พิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นที่มหาวิหารนักบุญเปโตร ในวันที่ 20 ตุลาคม  ค.ศ.1963 ซึ่งเป็นวันมิสซังสากล  ท่านได้รับการอภิเษกจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่6 พร้อมกับพระสังฆราชจากนานาประเทศอีก 14 องค์ รวมทั้งพระสมณทูตวาติกันประจำประเทศอังกฤษ พิธีเริ่มเวลา 8.00 น. ภายหลังพิธีอภิเษกพระสังฆราชทุกองค์ได้ประกอบพิธีบูชามิสซาร่วมกับสมเด็จพระสันตะปาปา พิธีจบลงเวลา 11.50 น. ผู้แทนประเทศไทยที่เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวคือ ม.จ. วงศานุวัตร เทวกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำอิตาลี, คุณพ่อก็อดเบาต์ คณะมหาไถ่, คุณพ่อวูดาเร็ก คณะสติกมาติน ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต และภคินีฟรังซิสกัน2 รูป ซึ่งจะมาประจำแขวงภูเก็ต รวมทั้งบรรดาพระสงฆ์และสามเณรไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยโปรปากันดา ฟีเด ต่อมาเวลา 13.30 น. พระคาร์ดินัลเจ้าสมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพระสังฆราชใหม่ โดยมีพระบรรดาพระคาร์ดินัล พระสมณทูต  พระสังฆราช  รวมทั้งผู้ใกล้ชิด มาร่วมด้วยประมาณ 50 องค์ ในเวลา 17.00 น.  ตอนเย็น สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จมารับพรศีลมหาสนิท ที่สามเณราลัยโปรปากันดา ฟีเด ในพิธีได้จัดให้พระสังฆราชใหม่อยู่แถวหน้าทั้งหมด พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน  นิตโย ได้รับเกียรติให้เป็นผู้อวยพรศีลมหาสนิทในพิธีดังกล่าว
 
พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคม ค.ศ.1964 มีผู้ไปต้อนรับที่สนามบินกันอย่างล้นหลาม  และในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ.1964 ในระหว่างการเข้าเงียบประจำเดือนของพระสงฆ์สังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่สำนักมิสซังฯ ได้มีพิธีฉลองต้อนรับพระสังฆราชใหม่เป็นการภายในระหว่างพระสงฆ์ ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน  นิตโย ได้ถวายบูชามิสซาอย่างสง่าในวันนั้น และในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 ได้มีพิธีฉลองอย่างเป็นทางการที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ ในเวลา 16.00 น. พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย  ได้เป็นผู้ประกอบพิธีบูชามิสซาอย่างสง่า  โดยมีพระสงฆ์  นักบวช  และสัตบุรุษจากวัดต่างๆ มาร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น ตอนค่ำสมาคมคาทอลิกฯ ได้จัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแด่พระสังฆราช ในบริเวณโรงเรียนอัสสัมชัญ มีการแสดงต่างๆ ทางโรงเรียนเซนต์โยเซฟฯ ได้จัดการแสดงชุด “เห่เรืออวยพร” และ “ลาวแพน”  มีคณะนักขับร้องร้องเพลงประสานเสียง จากวัดเซนต์หลุยส์ – อัสสัมชัญ  ภายใต้การนำบราเดอร์โรเบิร์ต ร้องเพลงประสานเสียงหลายเพลง ซึ่งสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน

         พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย  ได้กล่าวขอบใจคณะกรรมการจัดการและทุกคนที่มาร่วมงานและในตอนท้าย ท่านได้บอกให้ทราบถึงงานชิ้นแรกที่ท่านตั้งใจจะทำคือ การสร้างบ้านเณรประจำสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือจากน้ำใจอันดีและกว้างขวางของทุกๆ คนด้วย

พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย สร้างบ้านเณรนักบุญยอแซฟ สามพราน

             พระสังฆราช หลุยส์ โชแรง และคณะที่ปรึกษาของท่านเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ยกบ้านเณรศรีราชาให้แก่ มิสซังจันทบุรี อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ.1964 และมอบธุระในการสร้างบ้านเณรใหม่ ซึ่งจะมีชื่อว่าบ้านเณรนักบุญยอแซฟ ชื่อเดียวกันกับบ้านเณรแห่งแรกของมิสซังสยามที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อ 300 กว่าปีก่อน
         วันที่ 19 มีนาคม ค.ศ.1964 ได้ลงมือปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้าง และสร้างถนนแยกจากทางหลวงสายเพชรเกษม วันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ.1964 ได้ลงมือก่อสร้างบ้านเณรนักบุญยอแซฟ ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มีพิธีเสกศิลาฤกษ์วันที่ 3 มกราคม ค.ศ.1965 ในเดือนเมษายน ค.ศ.1965 พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้เป็นประธานในพิธีเสกบ้านเณร และย้ายบ้านเณรและสามเณรของ มิสซังกรุงเทพฯ จากศรีราชา มาอยู่ที่สามพราน โดยมีคุณพ่อฟรังซิสเซเวียร์ ทองดี  กฤษเจริญ  เป็นอธิการองค์แรก
         ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1965 พระสังฆราช หลุยส์ โชแร ถึงแก่มรณภาพ พระสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย จึงได้ดำรงตำแหน่งประมุขมิสซังกรุงเทพฯ สืบแทนต่อมา และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ค.ศ.1963 จนถึงวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.1965

         พระอัครสังฆราช ยอแซฟ ยวง นิตโย  สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโล ที่่ 6 ได้ทรงสถาปนาพระฐานานุกรมศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.1965 สำหรับมิสซังกรุงเทพฯ ได้รับการยกฐานะเป็นอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และประมุขมิสซังก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราชของอัครสังฆมณฑลด้วย
        
วันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.1966 พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้ประกอบพิธีเสกบ้านเณรนักบุญยอแซฟ อย่างสง่าและเปิดเป็นทางการ มีสัตบุรุษ คริสตังกว่า 10,000 คนมาร่วมในพิธีนี้
        
วันพุธที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.1966 เวลา 17.00 น. ได้มีพิธีสถาปนาพระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย และอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ อันเยโล เปโดรนี พระสมณทูต เป็นประธานในพิธี พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย  ถวายมหาบูชามิสซาร่วมกับพระสังฆราชทุกองค์ในประเทศไทย ท่ามกลางบรรดาพระสงฆ์, ผู้แทนคณะนักบวช, ผู้แทนคณะกิจการคาทอลิก และสัตบุรุษจากวัดต่างๆ มาร่วมพิธีกันอย่างเนืองแน่น หลังมิสซาพระสมณทูตอ่านสารตราตั้งสถาปนาพระฐานานุกรมในประเทศไทย   แล้วเชิญ พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ขึ้นนั่งบัลลังก์ ต่อจากนั้น บรรดาพระสงฆ์, ผู้แทนคณะนักบวชต่างๆ, คณะกิจการคาทอลิก และสัตบุรุษเข้ามาแสดงความคารวะต่อท่าน ในพิธีนี้ยังได้มีการมอบรถยนต์ 1คัน  เป็นของขวัญแด่พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย  ด้วย  หลังพิธีมีการเลี้ยงฉลองแสดงความยินดี  บริเวณอาสนวิอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ

         วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1967 กรุงโรมประกาศตั้งสังฆมณฑลนครสวรรค์ โดยแยก 12 จังหวัดออกจาก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และแต่งตั้งคุณพ่อมีแชล ลังเยร์ เจ้าอาวาสวัดเซนต์หลุยส์  เป็นประมุข พระอัครสังฆราช ยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้เป็นผู้อภิเษกท่านลังเยร์ เป็นพระสังฆราช  ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ  กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ.1967 สามเณราลัยใหญ่ที่ปีนังจะยุบเลิกกิจการบ้านเณรใหญ่ ทางสภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทยได้พิจารณาสร้าง บ้านเณรใหญ่ในประเทศไทย พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้อนุมัติมอบที่ดินแปลงใหญ่ ซึ่งตัดมาจากทุ่งนาของวัดนครชัยศรี ริมทางถนน เพชรเกษม เพื่อสร้างบ้านเณรใหญ่ วิทยาลัยแสงธรรม สามพราน นครปฐม ได้ทำการปรับพื้นที่  และลงมือก่อสร้างในปี ค.ศ.1969 สร้างเสร็จและเปิดทำการสอนในปี ค.ศ.1972
                          
         ในระหว่างปี ค.ศ.1965-1973 พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน  นิตโย ได้เป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ โดยการอนุมัติสร้างอาคารใหม่ เพื่อขยายและปรับปรุงกิจการของโรงพยาบาล พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้เป็นผู้เสกและวางศิลาฤกษ์อาคารใหม่หลังแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ.1973

สร้างสามเณราลัยใหญ่แสงธรรม

  สามเณราลัยใหญ่ที่ปีนังจะยุบเลิกกิจการบ้านเณรใหญ่ ทางสภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทยได้ พิจารณาสร้างบ้านเณรใหญ่ในประเทศไทยพระอัครสังฆราชยวงได้อนุมัติมอบที่ดินแปลงใหญ่ซึ่งตัดมาจากทุ่งนาของวัดนครชัยศรี ริมทางถนนเพชรเกษม  เพื่อสร้างบ้านเณรใหญ่  วิทยาลัยแสงธรรม (อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม) ได้ทำการปรับพื้นที่ และลงมือก่อสร้างในปี ค.ศ. 1969 สร้างเสร็จและเปิดทำการสอนในปี ค.ศ. 1972

ในระหว่างปี ค.ศ. 1965-1973 พระคุณเจ้ายวงได้เป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ โดยการอนุมัติสร้างอาคารใหม่ เพื่อขยายและปรับปรุงกิจการของโรงพยาบาล พระคุณเจ้าได้เป็นผู้เสกและวางศิลาฤกษ์อาคารใหม่หลังแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1973

ผู้ริเริ่มยุคใหม่ในประวัติพระศาสนจักรไทย

ถือได้ว่าพระอัครสังฆราชยวงเป็นผู้ริเริ่มยุใหม่ในประวัติพระศาสนจักรไทย  แต่ก่อนใครจะสร้าง โบสถ์ตามหมู่บ้านใหม่ๆ หรือที่ทรุดโทรมจำเป็นต้องสร้างใหม่ ตลอดจนโรงเรียน บ้านพักพระสงฆ์ นักบวชผู้แพร่ธรรมก็ไม่มีที่พึ่ง ต้องไปเรี่ยไรตามบ้านสัตบุรุษจากที่ต่างๆ และเสียเวลามากมายในการเดินทางแทน ที่จะทำงานในวัดของตน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 เป็นต้นมา พระคุณเจ้ายวงมิเพียงแต่อนุมัติในการสร้าง โบสถ์เท่านั้น แต่ยังได้ออกเงินสมทบทุนในการสร้างโบสถ์ตามความสามารถแห่งการเงินของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และด้วยเหตุนี้จึงได้มีโบสถ์หลังใหม่ที่สวยงามและถาวรเกิดขึ้น  ได้แก่ วัดนักบุญเทเรซา หนองจอก, ว ัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต, วัดพระตรีเอกภาพ หนองหิน, วัดนักบุญหลุยส์มารีย์ บาง แค, วัดนักบุญเปโตร สามพราน, วัดอัครเทวดามีคาแอล สะพานใหม่, วัดศีลมหาสนิท ตลิ่งชัน

ลาออกจากตำแหน่งอัครสังฆราช

เนื่องจากสุขภาพไม่สู้ดี และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าได้ รับหน้าที่สืบต่อไป พระคุณเจ้าได้ถวายใบลาเกษียณต่อสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโล ที่ 6 ในปี ค.ศ. 1973 และพระคุณเจ้าไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ได้รับตำแหน่งประมุขมิสซังสืบแทนตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1973 รวมเวลาแห่งการปกครองดูแลอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลา 10 ปีพอดี (1963-1973) นับเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของความเปลี่ยนแปลง        และต้องถือเป็นความโชคดีของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ที่พระเป็นเจ้าทรงพระเมตตาส่งพระคุณเจ้ายวงมาเป็นผู้ปกครองดูแลในสมัยนั้น

วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.1985 พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้ฉลองครบรอบ 50 ปี  ของการบวชเป็นพระสงฆ์ ที่วัดนักบุญเปโตร สามพราน และในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ.1988 ได้ฉลองครบรอบ 25 ปี ที่ได้รับอภิเษกเป็นพระสังฆราช
 

พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย เป็นผู้ริเริ่มยุคใหม่ในประวัติพระศาสนจักรไทย

         คือแต่ก่อนใครจะสร้างโบสถ์ตามหมู่บ้านใหม่ๆ หรือที่ทรุดโทรมจำเป็นต้องสร้างใหม่ตลอดจนโรงเรียน บ้าน พักพระสงฆ์ นักบวชผู้แพร่ธรรมก็ไม่มีที่พึ่งต้องไปเรี่ยไรตามบ้านสัตบุรุษจากที่ต่างๆ และเสียเวลามากมายในการเดินทางแทนที่จะทำงานในวัดของตน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 เป็นต้นมา พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย มิเพียงแต่อนุมัติในการสร้างโบสถ์เท่านั้น แต่ยังได้ออกเงินสมทบทุนในการสร้างโบสถ์ตามความสามารถแห่งการเงิน ของอัครสังฆมณฑล และด้วยเหตุนี้จึงได้มีโบสถ์หลังใหม่ ที่สวยงามและถาวรเกิดขึ้น ได้แก่ วัดนักบุญเทเรซา หนอง จอก, วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต, วัดพระตรีเอกภาพ หนองหิน,วัดนักบุญหลุยส์มารีย์บางแค, วัดนักบุญเปโตร สามพราน, วัดอัครเทวดามีคาแอล สะพานใหม่, วัดศีลมหาสนิท ตลิ่งชัน โดยที่พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย รอบรู้ภาษาต่างๆ เช่น ภาษาบาลี สันสกฤต ลาติน ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ ไม่ว่าท่านจะทำหน้าที่ในตำแหน่ง คุณพ่อผู้ช่วยเจ้าอาวาส เจ้าอาวาส เลขาฯ พระสังฆราช อธิการบ้านเณร และพระอัครสังฆราช ก็มีความกระตือรือร้นที่จะช่วยวิญญาณทั้งหลายให้รอดอยู่เสมอ จึงได้เขียนหนังสือศรัทธาออกแพร่หลายอยู่เสมอมา มีงานฉลองทางศาสนาแห่งใดท่านก็อุตส่าห์ไปร่วมพิธีกับพระคาร์ดินัล เป็นกำลังใจแก่บรรคาพระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษทั่วไป

         อนึ่ง การที่ศิษย์คนหนึ่งของพระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้รับการอภิเษกเป็นพระอัครสังฆราช และได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล  คือ พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล  มีชัย กิจบุญชู ชาวไทยคนแรกที่ได้รับสมณศักดิ์อันสูงส่งนี้ นับเป็นที่เชิดชูเกียรติและศักดิ์ศรี ผู้เป็นอาจารย์ของพระคาร์ดินัลองค์นี้เป็นแน่

         พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย คือแบบอย่างของพระสงฆ์ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ โอกาสนี้เราขอระลึกถึงท่านที่ได้ทำงานเพื่ออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ตลอดมา หลายสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ พระศาสนจักรที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ หลายๆ อย่างเป็นผลมาจากท่านได้เป็นผู้หว่านให้ และบัดนี้ก็ได้เติบโต แตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากขึ้นๆ

         พระอัครสังฆราชยอแซฟ เคียมสูน นิตโย ได้พักประจำอยู่ที่บ้านเณรเล็กนักบุญยอแซฟ สามพราน และไปร่วมเข้าเงียบประจำเดือน และร่วมสัมมนากับคณะสงฆ์มิได้ขาด ไปร่วมฉลองวัดและฉลองในโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังใช้เวลาว่างในการแปลและเรียบเรียงหนังสือศรัทธาต่างๆ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ.1998 ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ทำพิธีปลงศพ วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ.1998 ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ ศพของท่านถูกฝังอยู่ที่สุสานในอุโมงค์ใต้พระแท่นของอาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ.
 

พิธีปลงศพพระสังฆราช ยวง นิตโย    ชุดที่ 1 ,   ชุดที่ 2

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2010