ที่มา : สารอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ปีที่ 7 ฉบับที่ 2 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2009

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1 ค.ศ 1897 พระองค์ได้ทรงเข้าเยี่ยมโรงงานช่างหล่อช่างปั้นช่างเขียน ณ เมืองฟลอแรนซ์ อิตาลี่ ได้ทอดพระเนตรพระรูปนี้ทรงพอพระทัย โปรดให้ไถ่มา และโปรดให้ประดิษฐาน ณ ท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และเมื่อสร้างพระราชวังดุสิตเสร็จ จึงโปรดให้นำมาไว้ ณ พระที่นั่งอัมพร ประดิษฐานไว้ในหอหนึ่ง พระราชทานนามว่า “หอพระเยซู” ต่อมาได้มอบพระรูปนี้ให้แก่ วัดนักบุญฟรังซีสเซเวียร์ โดยผ่านทางเทศบาลนครกรุงเทพ ฯ โดยมี นายประสาน ศรจิตติและคริสตชนพี่น้องของวัด จำนวนหนึ่งเป็นผู้ประสานงาน ประวัตินี้ได้ จาก จางวางเอก พระยาประเสริฐศุภกิจ หัวหน้ามหาดเล็ก ผู้ตามเสด็จประพาส ในครั้งนั้น พระรูปนี้รับการเสกที่วัด นักบุญฟรังซีสเซเวียร์ เมื่อปี ค.ศ. 1949  

สัตตบุรุษเรียกว่าพระโต ทำไมถึงเรียกว่าพระโต และที่แท้รูปนั้นเป็นรูปอะไร
จากการคาดคะเน มาจากสองความคิด ข้อที่หนึ่งคือ พระคริสโต ตามภาษาเก่า และเรียกสั้นขึ้นเป็น พระโต ข้อที่สองคือ เมื่อรูปปั้นมาตั้งอยู่และคุณพ่อท่านได้เชิญพระรูปตั้งอยู่บนที่สูง ทำให้มองเห็นเป็นองค์ใหญ่โตมาก จึงเรียกสั้นๆว่า พระโต ความจริงพระรูปนั้นเป็นรูปที่แสดงถึงความเชื่อของบุคคลที่ต้องการให้พระเยซูเจ้าช่วย และพระรูปก็บอกเราอย่างนั้น

สัตตบุรุษคิดอะไรกับพระโต ทำไมมีความเชื่อความศรัทธามากขนาดนี้
ในความเป็นจริงแล้ว สัตตบุรุษทั้งหลายในหมู่บ้านวัดนักบุญฟรังซีสเซเวียร์ นั้นเป็นผู้ที่มีความศรัทธาอยู่แล้ว เมื่อ มีพระรูปมาตั้งอยู่หลายคนก็มาสวด และเมื่อสวดก็ขอโน่นขอนี่ตามนิสสัยของมนุษย์ และหลายครั้งพระเป็นเจ้าก็เห็นความสำคัญของการขอของเขาก็ได้ทรงโปรดช่วยเหลือให้เขาได้ในสิ่งที่เขาขอ และเมื่อได้หลายคนก็ได้บอกต่อกันไป คำต่อคำปากต่อปาก ก็กลายเป็นตำนานที่ทุกคนรู้จักและเชื่อ

 “ Fides tua te salvum fecit ความเชื่อช่วยให้เจ้ารอด” เป็นข้อความที่เขียนอยู่ใต้พระรูป เป็นคำพูดที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับชายตาบอดที่ทรงรักษาให้เขาแลเห็นได้ คำพูด ความเชื่อช่วยให้เจ้ารอด นี้ เป็นคำพูดที่ทรงพลังสูงสุด ง่ายๆ แต่มีความหมายมาก เราได้ยินอีกหลายครั้ง เช่นนายร้อยผู้หนึ่งที่มาขอพระเยซูเจ้าให้รักษาบ่าวของเขาโดยพูดกับพระองค์ว่า “ขอพระองค์ตรัสเพียงคำเดียวเท่านั้น บ่าวของข้าพเจ้าก็จะหาย” และ พระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า “ จงไปเถิด จงไปเป็นไปตามที่ท่านเชื่อนั้นเถิด ”

เช่นกันชายตาบอดสองคนมาเฝ้าพระองค์เพื่อขอการรักษา พระองค์ทรงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อว่าเราทำเช่นนั้นได้หรือ” เขาทั้งสองตอบว่า “เชื่อพระเจ้าข้า” พระองค์ทรงตรัสต่อว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อเถิด” อีกครั้ง หญิงเป็นโรคตกเลือดมาสัมผัสชายเสื้อฉลองของพระเยซูเจ้าเพื่อให้หายโรค เมื่อพระองค์เห็นเข้า ตรัสว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยให้เจ้าหายโรคแล้ว” จากข้อความข้างบนนี้ มีความหมายเพียงอย่างเดียวคือ “ความเชื่อ” ที่จะทำให้เราได้รับพระพร ศาสนาคาทอลิกสอนด้วยหลักของ “ความเชื่อและความรัก” เท่า นั้น “โธมัสเอ๋ย เจ้าเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นผู้มีความสุข”
พระโต มีอิทธิพลอย่างไรกับคนวัดสามเสน

พระโตเปรียบได้ว่าเป็นพระรูปคู่วัดนักบุญฟรังซีสเซเวียร์ หลายคนขอพรพระโตมากกว่าขอนักบุญองค์อุปถัมภ์ของวัด ทุกบ้านจะเคยได้เข้ามากราบขอพรพระโต โดยเฉพาะนักเรียน ต่างๆเช่น จากโรงเรียนโยนออฟอาร์ค โรงเรียนเซ็นต์ฟรังซีสซาเวียร์ และเซ็นต์คาเบรียล จะเข้ามาขอพระพรให้สอบได้ ทั้งมัธยม และม ปลาย หลายคนขอเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย หลายคนขอตำแหน่ง ขอให้รักษาโรคภัย ขอสุขภาพที่ดี ขอให้ครอบครัวรักกัน ขอให้ลูกให้หลาน และทุกคนจะได้รับเสมอ

ศาสนาคาทอลิกมิได้สอนให้ “รอ หรือ พึ่งอัศจรรย์” แต่ทุกวันนี้ “พระรูปพระโต” ได้สอนและรักษาบรรดาพี่น้องต่างๆมิใช่เฉพาะคริสตชนคาทอลิกเท่านั้น โดยเขาทั้งหลายได้ “ขอและเชื่อ” ว่า พระเยซูเจ้าจะทรงรักษาให้เขาทั้งหลายให้หายได้ พระเยซูเจ้า ทรงรักษาทุกคนด้วยความเชื่อ ดังนั้นผู้ที่ได้รับพระพร คือผู้ที่มีความเชื่อ

ผมและพี่น้องหลายท่านอาจจะมีความเชื่อไม่พอเพียงกับสิ่งที่วอนขอ ซึ่งอาจจะไม่ก่อเกิดประโยชน์ต่อตัวเรา ดังที่ผมได้เขียนข้างต้น การขอสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรขอ ผู้ขอต้องมี ความเชื่อ ที่จะดำเนินชีวิตคริสตชนที่ดีเพื่อจะได้เป็นลูกที่ดีของพระองค์ ผมมีความเชื่ออย่างมั่นคงว่า ถ้าสิ่งที่วอนขอเป็นสิ่งที่ดี รับรองได้ว่าผู้ขอจะได้รับพระพรตามที่มีความเชื่อนั้นๆ ดังคำพูด “ ความเชื่อช่วยให้เจ้ารอด ”

โอกาสครบรอบ 60 ปีนี้ มีความตั้งใจจะทำอะไรและมีกิจกรรมอะไรบ้าง
ในโอกาสครบรอบ 60 ปี นั้น คณะกรรมการการจัดงานครั้งนี้ มีความตั้งใจที่จะจัดพิมพ์พระพรของพระโตที่พี่น้องทุกท่านได้รับ แต่จะไม่พิมพ์ในสิ่งที่เขาได้รับจากการพนันหรือสิ่งที่พี่น้องขอไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากทางวัดมิได้สนับสนุนสิ่งนี้นอกจากความเชื่อและความศรัทธาที่พี่น้องๆต่างได้รับพระพรเท่านั้น และมีการฉลองสองวัน โดยวันแรกจะมีประธานที่เป็นเจ้าอาวาส ฉลองภายใน และวันรุ่งขึ้นได้เชิญพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัล มาเป็นประธานในครั้งนี้

สุดท้ายอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมสวดขอพรพระโต และมาร่วมฉลองกันวันนั้นด้วย

คุณพ่อประทีป กีรติพงศ์ เจ้าอาวาส และคณะกรรมการผู้จัดงานครั้งนี้ โดยมี นพ.วิษณุ ธาราฉัตร ประธาน ชมรมเวชบุคคลคาทอลิกของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์  เป็นประธานการจัดฉลอง 60 ปีพระโต มี คุณนุสรา จุลละสุวรรณ เป็นรองประธาน ฯ และคุณสมปอง ก่อรักเศวต เป็นเลขา ฯ โดยมีเป้าหมายให้พี่น้องได้มาร่วมงานนี้และขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ได้ทรงรักษาวิญญาณของพี่น้องคริสตชนคาทอลิกและศาสนิกชนต่างความเชื่อมานานนับปี และมาขอพรเพื่อให้ทุกท่านมีจิตใจที่สะอาดช่วยเหลือเอื้อเฟื้อต่อกัน และรักกันและกันมากขึ้น โดยงานนี้มีสองวันกล่าวคือ

วันเสาร์ที่ 7 นั้นเป็นการฉลองภายใน โดยมีพระคุณเจ้าฟรังซิสซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์  ( ลูกวัด ) เป็นประธานในพิธี และเป็นการฉลองตามธรรมดา กล่าวคือเป็นงานวันเสาร์ที่วัดได้ฉลองมาทุกปี และจะเพิ่มการเลี้ยงข้าวต้ม หลังมิสซา 19:00 น

วันที่สอง คุณพ่อประทีป กีรติพงศ์ เจ้าอาวาส และคณะกรรมการการจัดงาน ฯ พร้อมด้วยสภาอภิบาล ฯ ได้เชิญพระคุณเจ้า พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู พระอัครสังฆราช แห่งอัครสังฆมณฑล กรุงเทพ มาเป็นประธานในมิสซาขอบพระคุณในการฉลองพระรูป  60 ปี วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม  2009  เวลา 10.00 น. และหลังมิสซาจะมีการแห่พระรูปไปรอบวัด และเลี้ยงอาหารเหมือน กับการฉลองวัด ด้วย จึงได้เชิญชวนพี่น้องคริสตชนต่างๆ มาร่วมงาน พร้อมขอบพระคุณและขอพระพร ด้วย